Table of Contents
เว็บไซต์ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างยอดขายและขยายฐานลูกค้า แต่เว็บไซต์หลายแห่งกลับมีปัญหา ส่งผลให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ เกิดความรู้สึกในเชิงลบระหว่างการใช้งาน ทำให้เสียโอกาสในการขายไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น การตรวจสอบและดูแลคุณภาพเว็บไซต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์รายใหม่ รักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ใช้ปัจจุบัน และมีโอกาสที่จะเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ให้กลายเป็นลูกค้าได้ในอนาคต
บทความนี้จะพาคุณสำรวจ 5 ปัญหาเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อยอดขาย พร้อมวิธีแก้ไขปัญหาเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
5 ปัญหาเว็บไซต์ และวิธีแก้ไขปัญหาเว็บไซต์
ปัญหาที่ 1: เว็บไซต์โหลดช้า
การที่เว็บไซต์โหลดช้าเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ลูกค้าไม่อยากใช้งานและออกจากเว็บไซต์ก่อนที่จะเข้าถึงข้อมูลสินค้า โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่รอเว็บไซต์ที่ใช้เวลาโหลดเกิน 3-5 วินาที หากเว็บไซต์ของคุณโหลดช้าเกินไป นอกจากจะทำให้เสียลูกค้าไปยังคู่แข่งแล้ว ยังทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกจัดอันดับต่ำลงในเครื่องมือค้นหาอีกด้วย เนื่องจาก Google เองก็ให้ความสำคัญกับ Page Speed ในการจัดอันดับเว็บไซต์
วิธีแก้ไขปัญหาเว็บไซต์โหลดช้า
- การปรับขนาดไฟล์รูปภาพ: ไฟล์รูปภาพขนาดใหญ่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า คุณสามารถใช้เครื่องมืออย่าง TinyPNG หรือ ImageOptim เพื่อลดขนาดไฟล์รูปภาพโดยไม่เสียคุณภาพ เมื่อขนาดไฟล์รูปภาพเล็กลง การโหลดหน้าเว็บไซต์ ก็จะรวดเร็วขึ้น
- การใช้งานระบบแคช (Caching): การแคชข้อมูลช่วยลดการโหลดข้อมูลซ้ำ ทำให้การเข้าถึงหน้าเว็บเร็วขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้งานบ่อยครั้ง สามารถตั้งค่าผ่านปลั๊กอินหรือฟีเจอร์แคชของโฮสต์ที่ใช้บริการ
- การใช้โฮสต์คุณภาพสูง: โฮสต์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโหลดได้เร็วขึ้น ลองเลือกโฮสต์ที่มีการใช้ SSD (Solid State Drive) และรองรับ CDN (Content Delivery Network) เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลด
ปัญหาที่ 2: ไม่มีการทำ SEO
SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพ สำหรับการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับในผลการค้นหาของเครื่องมืออย่าง Google ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเว็บไซต์สำหรับองค์กรหรือธุรกิจต่าง ๆ เพราะการที่เว็บไซต์ของคุณไม่มี SEO ที่ดี จะทำให้มีโอกาสน้อยที่จะถูกพบโดยลูกค้าใหม่ ๆ ซึ่งการที่เว็บไซต์ไม่ได้มีการปรับแต่ง SEO หมายความว่า คุณพลาดโอกาสที่จะดึงดูดลูกค้าที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการ และทำให้สูญเสียโอกาสในการขาย
วิธีแก้ไขปัญหาเว็บไซต์ที่ไม่มีทำ SEO
- การวิจัยคำค้นหา (Keyword Research): ศึกษาคำค้นหาที่ลูกค้ามักใช้ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณ อาจใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner หรือ Ahrefs เพื่อค้นหาคำค้นหาที่มีปริมาณการค้นหาสูง เพื่อให้ค้นหาง่าย หรือมีการแข่งขันไม่สูงมาก เพื่อให้ติดอันดับการค้นหาที่รวดเร็วขึ้น
- การเพิ่ม Meta Tags และการปรับโครงสร้าง URL: ใส่ Meta Title และ Meta Description ที่สื่อถึงเนื้อหาในแต่ละหน้า รวมถึงปรับโครงสร้าง URL ให้มีความสอดคล้องกับเว็บไซต์หรือสินค้าและบริการของเว็บไซต์ เช่น “yourwebsite.com/ชื่อสินค้า”
- สร้างเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ: เนื้อหาที่มีคุณภาพสูงจะช่วยดึงดูดและรักษาความสนใจของผู้ใช้งาน โดยการใช้บล็อกหรือบทความเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ พร้อมใส่คำค้นหาในเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ
ปัญหาที่ 3: การจัดการประสบการณ์ลูกค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ
เว็บไซต์ที่ไม่เน้นประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX) มักจะมีการออกแบบที่ซับซ้อน หาข้อมูลยาก และการจัดวางที่ไม่เหมาะสม การขาดประสบการณ์การใช้งานที่ดี ทำให้ผู้ชมหรือลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เช่น ต้องการซื้อสินค้าแต่ไม่สามารถหาข้อมูลราคาได้ง่าย ๆ หรือมีปุ่ม Call to Action (CTA) ที่ไม่ชัดเจน
วิธีแก้ไขปัญหาการจัดการประสบการณ์ลูกค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ
- การออกแบบหน้าเพจให้มีโครงสร้างชัดเจน: ควรจัดวางเนื้อหาและปุ่มต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ เข้าใจง่าย และลดการใช้รูปภาพหรือสีที่อาจทำให้หน้าเว็บดูซับซ้อนเกินไป
- ปรับปรุงการนำทาง: การใช้แถบเมนูที่ชัดเจนและหมวดหมู่ที่เป็นระเบียบจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ง่ายขึ้น
- การทดสอบ A/B Testing: ทดลองการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของหน้าเว็บไซต์ เช่น สีของปุ่ม CTA ขนาดของฟอนต์ หรือการจัดวางเนื้อหา เพื่อดูว่าลูกค้าตอบสนองกับการออกแบบแบบใดมากที่สุด
ปัญหาที่ 4: ขาดการผสาน CRM
การไม่มีเครื่องมือช่วยจัดการระบบจัดการลูกค้า CRM ทำให้ข้อมูลลูกค้าไม่เป็นระเบียบและขาดการติดตามอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว เช่น คุณอาจพลาดโอกาสในการทำ Follow Up การส่งโปรโมชันให้ลูกค้าที่สนใจ หรือการแก้ไขปัญหาที่ลูกค้าเจอในการใช้งานสินค้า ทำให้ไม่สามารถติดตามลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
วิธีแก้ไขปัญหาเว็บไซต์ที่ขาดการผสาน CRM
- การใช้ระบบ CRM อย่าง HubSpot: เครื่องมือเหล่านี้ช่วยจัดเก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามลูกค้าได้ตลอดทั้งการสั่งซื้อ ตั้งแต่เริ่มสนใจสินค้าจนถึงการซื้อ และยังช่วยให้ทีมขายหรือทีมการตลาด สามารถส่งอีเมลตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น การแจ้งเตือนสินค้าใหม่หรือโปรโมชันพิเศษ
- การติดตามสถานะการขายและกิจกรรมลูกค้า: CRM ช่วยให้ผู้ใช้ สามารถเห็นภาพรวมของลูกค้าแต่ละราย และสามารถรู้ได้ทันทีว่าลูกค้าอยู่ในขั้นตอนใดของกระบวนการขาย และมีการสื่อสารหรือทำกิจกรรมใดไปแล้วบ้าง นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างรายงานจากข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์ มาใช้สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำไปปรับปรุงกลยุทธ์การขายและการตลาดได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
ปัญหาที่ 5: ขาดการรองรับการใช้งานบนมือถือและอุปกรณ์ต่าง ๆ
การใช้งานเว็บไซต์บนมือถือเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ผู้ใช้งานเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากขึ้น การเข้าถึงเว็บไซต์และการหาข้อมูล ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านมือถือ แต่หากเว็บไซต์ของคุณไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ จะทำให้ลูกค้าพบกับปัญหาที่น่าหงุดหงิด เช่น ตัวหนังสือเล็กเกินไป ปุ่ม CTA กดไม่สะดวก และเนื้อหาที่จัดเรียงไม่เหมาะสมต่อหน้าจอขนาดเล็ก
วิธีแก้ไขปัญหาเว็บไซต์ที่ขาดการรองรับการใช้งานบนมือถือและอุปกรณ์ต่าง ๆ
- การออกแบบ Responsive Design: ใช้เทคนิค Responsive Design เพื่อให้เว็บไซต์ สามารถแสดงข้อมูลและปรับขนาดได้ตามหน้าจอของอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต
- การทดสอบ Mobile Friendly: ใช้เครื่องมืออย่าง Google Mobile Friendly Test เพื่อตรวจสอบว่าเว็บไซต์ สามารถใช้งานบนมือถือได้ดีเพียงใด และรับคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาที่พบ
- ปรับปรุงขนาดของปุ่ม CTA และเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน: ปุ่ม CTA บนมือถือ ควรมีขนาดใหญ่และชัดเจน ทำให้ลูกค้าสามารถกดใช้งานได้อย่างสะดวก เพิ่มความสะดวกในการนำทางและทำธุรกรรมให้เร็วขึ้น
การดูแลเว็บไซต์ สำคัญอย่างไร?
เว็บไซต์ เปรียบเสมือนหน้าตาและภาพลักษณ์ขององค์กร ซึ่งการดูแลเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นการรักษาคุณภาพของเว็บไซต์ให้สามารถใช้งานได้ดีอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลทำให้
- เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน: การดูแลเว็บไซต์จะช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ หรือการแก้ปัญหาการใช้งานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการอัปเดตระบบให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และตอบสนองต่อการใช้งานของลูกค้าได้ดีขึ้น
- สร้างความน่าเชื่อถือ: เว็บไซต์ที่มีการอัปเดตอย่างต่อเนื่องและไม่มีข้อผิดพลาดจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ผู้ใช้จะรู้สึกมั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเชื่อถือได้ หากเว็บไซต์มีปัญหาบ่อยครั้งหรือละเลยการดูแล ลูกค้าอาจรู้สึกไม่มั่นใจและหันไปหาคู่แข่งที่มีเว็บไซต์ที่ดูแลได้ดีกว่าแทน
- สร้างการรับรู้ได้มากยิ่งขึ้น: เว็บไซต์ที่มีการดูแลและอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ จะมีโอกาสสูงที่จะติดอันดับดีในผลการค้นหาของ Google การปรับปรุงโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ตามหลัก SEO อย่างต่อเนื่อง จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย และยังช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมที่มีคุณภาพซึ่งนำไปสู่โอกาสการขายที่มากขึ้น หากเป็นเว็บไซต์ที่ขายสินค้าหรือบริการ ก็จะช่วยสร้างโอกาสในการขายได้มากยิ่งขึ้น
บทสรุป
การแก้ไขปัญหาเว็บไซต์เหล่านี้ จะช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถรองรับการใช้งานของผู้ใช้ได้ดีขึ้น รวมไปถึงช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิมอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงเว็บไซต์โดยให้ความสำคัญกับ Page Speed การทำ SEO ประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX) การใช้ CRM หรือการรองรับการใช้งานบนมือถือจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
อย่างไรก็ตามหากเว็บไซต์ขาดทีมงานที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด หรือขาด Web Developer ที่คอยดูแลภาพรวมของเว็บไซต์ รวมถึงทีมคอนเทนต์และกราฟิก ก็อาจทำให้ปัญหาเว็บไซต์ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องได้ และเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณ ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง สามารถติดต่อ Cipher ผู้เชี่ยวชาญด้านเว็บไซต์ได้เลยทันที