Lead Generation คืออะไร? เทคนิคสร้างลูกค้าเป้าหมายยุคใหม่

Lead Generation คืออะไร?

Table of Contents

Lead Generation คืออะไร? เทคนิคสร้างลูกค้าเป้าหมายให้ธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

Lead Generation คืออะไร? “Lead” ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดในยุคดิจิทัล ที่ธุรกิจทุกขนาดต่างต้องการเครื่องมือและกลยุทธ์ เพื่อดึงดูดลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ CIPHER เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การส่ง Email Marketing ด้วยระบบ CRM เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจง หรือการใช้บริการ รับทำ Email Marketing เพื่อให้แคมเปญสื่อสารถึงเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า “Lead Generation คืออะไร” และทำไมธุรกิจถึงควรใช้ระบบและบริการอย่าง รับทำ CRM Training อบรม CRM เพื่อเพิ่มศักยภาพทีมงานในการจัดการและติดตามลูกค้าเป้าหมาย พร้อมแนะนำเทคนิคที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อสร้างลูกค้าใหม่และขยายฐานธุรกิจของคุณ

Lead Generation Marketing คืออะไร?

Lead Generation คืออะไร? โดยภาพรวมหมายถึง เทคนิคการตลาดของธุรกิจยุคใหม่ ที่ใช้วิธีดึงดูดความสนใจและตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า “Lead” ซึ่ง Lead Generation Marketing คือ การตลาดเพื่อสร้างลูกค้าเป้าหมาย เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการดึงดูดและกระตุ้นความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำไปสู่การเก็บข้อมูลติดต่อหรือสร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
fb-3

คำว่า Lead คือ กลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่มีศักยภาพในการกลายเป็นลูกค้าในอนาคต และเป็นกลุ่มเป้าหมายคุณภาพที่มีโอกาสปิดการขายได้จริง ๆ เช่น ผู้ที่กรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนในเว็บไซต์ ผู้ที่แสดงความสนใจในสินค้าและบริการ หรือผู้ที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของแบรนด์ ดังนั้น Lead Generation Marketing คือ สิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจค้นหา Lead ที่มีศักยภาพได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ทำไมธุรกิจจึงต้องทำ Lead Generation

การทำ Lead Generation คือ กระบวนการสำคัญที่ธุรกิจในยุคดิจิทัลไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจและลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ธุรกิจมีระบบ Lead Generation ที่ดี ช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลหลัก ๆ มีดังนี้
ทำไมธุรกิจจึงต้องทำ Lead Generation
  • เพิ่มฐานข้อมูลลูกค้าที่มีคุณภาพ:
    การสร้าง Lead ช่วยให้ธุรกิจได้ฐานข้อมูลของผู้ที่มีแนวโน้มสนใจในสินค้าหรือบริการจริง ซึ่งง่ายต่อการติดตามผลหรือมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนให้กลายเป็นลูกค้าในอนาคต

  • เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย: การมีรายชื่อ Lead ช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นลูกค้าจริง โดยเฉพาะเมื่อทีมขายสามารถนำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของ Lead มาใช้ในการนำเสนอสินค้าและบริการอย่างเหมาะ

  • ประหยัดต้นทุน: การทำการตลาดโดยโฟกัสไปยัง Lead ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและงบประมาณที่ไม่จำเป็น ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาแบบไม่มีเป้าหมาย

  • สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: Lead Generation คือ สิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจเริ่มต้นการสื่อสารและสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าได้ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการปิดการขาย รวมถึงสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งนำไปสู่การสร้างความภักดีในแบรนด์ และเกิดการซื้อซ้ำในอนาคต

กลยุทธ์การทำ Lead Generation ให้ประสบความสำเร็จ

กลยุทธ์การทำ Lead Generation ไม่มีกฎที่ตายตัว แต่ก็จำเป็นต้องประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ ให้มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์และต้องอาศัยการวางแผนและกลยุทธ์ที่ชัดเจน พร้อมทั้งการใช้เครื่องมือและช่องทางการตลาดที่เหมาะสม เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังต่อไปนี้
fb-5

การสร้าง Lead Generator ที่มีประสิทธิภาพ

Lead Generator คือ บุคคลที่ทำหน้าที่ใช้กลยุทธ์การทำ Lead Generation ด้วยการ ใช้เครื่องมือหรือวิธีการที่มีประสิทธิภาพ โดยLead Generator จะช่วยทำหน้าที่ดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายสนใจและกรอกข้อมูลติดต่อ เช่น

  • การสร้าง E-book: สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าซึ่งช่วยแก้ปัญหาหรือให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ

  • การเสนอโปรโมชันหรือส่วนลด: Lead Generator จะใช้โปรโมชันพิเศษช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้สนใจสมัครหรือลงทะเบียน

  • การจัด Webinar หรือสัมมนาออนไลน์: ให้ความรู้ที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมโอกาสในการพูดคุยโดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญ

  • การให้ทดลองใช้ฟรี: สำหรับธุรกิจที่มีบริการแบบสมัครสมาชิก การทดลองใช้งานฟรีช่วยให้ผู้สนใจสัมผัสประสบการณ์การใช้บริการ

  • การทำแบบสอบถามหรือแบบทดสอบ (Quiz):
    ใช้แบบสอบถามเพื่อให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล พร้อมเก็บข้อมูลติดต่อ

เทคนิคการออกแบบเว็บไซต์เจนลีด

เว็บไซต์เจนลีด เป็นเครื่องมือสำคัญในกลยุทธ์การทำ Lead Generation ที่มีประสิทธิภาพ เพราะการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี จะช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็น Lead ได้มากขึ้น เช่น

  • ใช้ Landing Page: หน้า Landing Page เป็นส่วนสำคัญของเว็บไซต์เจนลีดเป็นหน้าที่ออกแบบมาเพื่อให้มุ่งเน้นเพียงเป้าหมายเดียว และไม่ควรมีสิ่งรบกวน เช่น การเก็บข้อมูลหรือการสมัครใช้งาน

  • เพิ่มแบบฟอร์มที่ใช้งานง่าย: แบบฟอร์มเก็บข้อมูลควรสั้น กระชับ และขอข้อมูลเท่าที่จำเป็น เช่น ชื่อ อีเมล หรือเบอร์โทรศัพท์

  • การใช้ Pop Up อย่างเหมาะสม: ใช้ Pop Up เพื่อแสดงข้อเสนอ เช่น การสมัครรับข่าวสาร หรือโปรโมชันพิเศษ และตั้งเวลาแสดงผลให้เหมาะสม ไม่รบกวนจนเกิดความรำคาญกับผู้ใช้งาน

  • ใช้ Call to Action (CTA) ที่น่าสนใจ: ใช้ข้อความ CTA ให้ลูกค้าอยากคลิก เช่น “ดาวน์โหลดฟรี” หรือ “ลงทะเบียนฟรี” พร้อมวางในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัด

  • Responsive Design: เว็บไซต์เจนลีด จำเป็นต้องออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับทุกอุปกรณ์ โดยเฉพาะมือถือ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและกรอกข้อมูลได้สะดวก

ช่องทางการทำ Lead Generation ที่ได้ผล

กลยุทธ์การทำ Lead Generation ที่ดี จำเป็นต้องเลือกใช้ช่องทางที่เหมาะสม เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • Social Media Marketing: ใช้แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram หรือ LinkedIn เพื่อนำเสนอเนื้อหาที่ดึงดูดใจ ด้วยสร้างโพสต์ที่มีเนื้อหาเชิงให้ความรู้ พร้อมแนบลิงก์ไปยัง Landing Page

  • Content Marketing: การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น บทความ บล็อก หรือวิดีโอ ที่ช่วยแก้ปัญหาและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่มีประโยชน์ พร้อมแทรกลิงก์ไปยังหน้า Landing Page

  • Email Marketing: ส่งข้อความที่ตรงกับความต้องการของผู้ที่สนใจผ่านอีเมล เพื่อเพิ่มความสนใจและกระตุ้นการสมัคร เช่น ส่วนลดหรือการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม และควรใช้เนื้อหาที่กระชับและมีปุ่ม CTA ชัดเจน

  • การปรับปรุง SEO: การปรับแต่ง SEO หรือ Search Engine Optimization ของเว็บไซต์หรือบทความให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหา เพื่อเพิ่มการมองเห็น

  • ​​Influencer Marketing: ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มเป้าหมาย และช่วยสร้างการรับรับรู้ในโซเชียลมีเดียให้มากยิ่งขึ้น

  • การโฆษณาออนไลน์: ใช้โฆษณาแบบชำระเงิน Google Ads หรือ PPC Campaigns เพื่อดึงดูด Traffic เข้าสู่หน้า Landing Page และตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมเพื่อลดค่าโฆษณาต่อ Lead

เครื่องมือและวิธีการวัดผล Lead Generation

การสร้าง Lead Generation คือ หนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ เพราะไม่เพียงแค่การดึงดูดผู้ที่สนใจเข้ามาเท่านั้น แต่ยังต้องวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด ให้ตรงกับความต้องการกับเป้าหมายของธุรกิจ ทำให้การเลือกใช้ เครื่องมือ และ วิธีการวัดผล ที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินความสำเร็จและปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่คุณควรใช้ มีดังนี้

เครื่องมือช่วยในการทำ Lead Generation

การทำ Lead Generation Marketing คือ สิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจ สามารถค้นหา Lead ได้อย่างมีศักยภาพ โดยมีเครื่องมือหลัก ๆ ดังนี้

CRM Tools

Customer Relationship Management หรือ CRM คือ แพลตฟอร์มที่ใช้จัดเก็บข้อมูลลูกค้าและติดตามการปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น HubSpot CRM เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณในการบริหารจัดการลูกค้า โดย ประโยชน์ของระบบ CRM สามารถช่วยให้คุณเก็บข้อมูลลูกค้าทุกคนไว้ในที่เดียว ติดตามความคืบหน้าของการขายได้แบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ

Analytics Tools

เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ เช่น Google Analytics หรือ Hotjar ซึ่งเหมือนกับกล้องวงจรปิด ที่คอยจับตาดูพฤติกรรมของลูกค้าที่มาเยี่ยมชมร้านของคุณ คุณจะเห็นว่าลูกค้าเดินเข้ามาทางไหน สนใจสินค้าอะไรบ้าง และสุดท้ายซื้ออะไรไปบ้าง ด้วยข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถปรับปรุงการจัดวางสินค้า ปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ หรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น

Social Media Advertising Tools

เครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเก็บข้อมูลลูกค้าที่สนใจได้รวดเร็วและง่ายขึ้น โดยคุณสามารถสร้างแบบฟอร์มกรอกข้อมูลภายใน Facebook ได้เลย เช่น Facebook Ads, LinkedIn Ads หรือ Google Ads ช่วยดึงดูดลูกค้าเป้าหมายผ่านแคมเปญโฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมาย เป็นโฆษณาถึงคนที่สนใจจริง ๆ อีกทั้งยังช่วยให้คุณได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้อีกด้วย

วิธีการวัดผล Lead Generation

เกณฑ์การวัดผลวัดของ Lead ที่ต้องพิจารณาค่อนข้างหลากหลาย แตกต่างกันไปตามกลยุทธ์การตลาดและเป้าหมายของการเก็บ Lead ลองมาดูตัวอย่างของตัวชี้วัดคุณภาพของ Lead ที่ยกมาบางส่วน ดังนี้

Conversion Rate

เปอร์เซ็นต์ของผู้เยี่ยมชมที่เปลี่ยนมาเป็น Lead ทำให้รู้ว่าแคมเปญหรือโฆษณาต่าง ๆ ที่ปล่อยออกไปได้ผลหรือไม่ โดยวิธีวัด คือ

Conversion Rate = (จำนวน Lead ÷ จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์) x 100

ROAS

สำหรับผู้บริหารที่อยากรู้ว่าการลงทุนทำการตลาดให้ผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ ROAS คือ ตัวเลขที่ตอบคำถามนี้ได้ชัดเจนที่สุด ROAS ย่อมาจาก Return on Ad Spend หมายถึง อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนด้านโฆษณา กล่าวคือ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราทุ่มเทไปกับการโฆษณา ได้นำมาซึ่งรายรับกลับมาเท่าไหร่ โดยมีวิธีคำนวณ คือ

ROAS = (รายรับที่ได้จากการโฆษณา ÷ ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการโฆษณา) x 100

ROAS บอกให้เรารู้ว่าการลงทุนของเราได้ผลดีแค่ไหน ถ้า ROAS สูง แสดงว่าการตลาดของเราได้ผลคุ้มค่า แต่ถ้า ROAS ต่ำ อาจต้องมีการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

ROI

ROI หรือ Return of investment คือ ผลตอบแทนที่เราได้จากการลงทุนไป โดยเป็นต้นทุนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็น ค่าโฆษณา ค่าแรง ค่าขนส่ง โดยมีวิธีการคำนวณ ROI คือ

ROI = (กำไรสุทธิ ÷ ต้นทุนทั้งหมด) x 100

Sales Pipeline

การตัดสินใจซื้อของลูกค้าเป้าหมายไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่เป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป Sales Pipeline ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของกระบวนการนี้ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้นสนใจจนถึงตัดสินใจซื้อ ทำให้เราสามารถปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละขั้นตอนได้อย่างเหมาะสม

CPL (Cost Per Lead)

CPL (Cost Per Lead) คือ ค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่าย เพื่อให้ได้ลูกค้าที่สนใจสินค้าหรือบริการของเรา 1 ราย นึกง่าย ๆ ก็เหมือนกับค่าธรรมเนียมที่เราจ่าย เพื่อแลกกับโอกาสในการขายนั่นเอง โดยมีวิธีการคำนวณ คือ

CPL = ค่าโฆษณา ÷ จำนวน Leads ที่ได้มา 

ถ้า CPL ของเราสูงเกินไป แสดงว่าเราอาจจะกำลังเสียเงินไปกับโฆษณาที่ไม่ได้ผล หรือกลุ่มเป้าหมายของเราอาจจะไม่ตรงกับสินค้าที่เราขายก็ได้

สรุป

การทำ Lead Generation คืออะไร? เชื่อว่าบทความนี้คงเป็นคำตอบ สำหรับนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหากลยุทธ์การตลาด โดย กลยุทธ์สำคัญที่ไม่เพียงช่วยสร้างยอดขายและการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญ ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างผู้ประกอบการกับลูกค้า ซึ่งการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบในตลาดให้เหนือกว่าคู่แข่งได้

ถ้าคุณสนใจอยากทำการตลาดให้ธุรกิจของคุณ และต้องการให้มีผู้ช่วยให้คำปรึกษาและบริการ กับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และคุณภาพ สามารถติดต่อได้ที่ CIPHER

สนใจบริการ

คำถามที่พบบ่อย

Lead Generation เป็นกลยุทธ์การตลาด ที่ควรให้ความสำคัญ และสำหรับคนที่มีคำถามเกี่ยวกับกลยุทธ์นี้ เราได้รวบรวมคำตอบจากคำถามที่พบบ่อยมาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

Lead Generation มีอะไรบ้าง?

การสร้าง Lead หรือ Lead Generation มีหลายวิธีและกลยุทธ์ที่ช่วยดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นลูกค้าของธุรกิจ วิธีการเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่และช่องทางหลักได้ดังนี้

1. ช่องทางออนไลน์

  • Social Media: เช่น Facebook Ads เพื่อสร้างโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้คนคลิกเข้ามาที่ Landing Page และกรอกข้อมูล

  • Search Engine Marketing (SEM): เช่น Google Ads: ปรากฏโฆษณาบนหน้าผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรา
    Content Marketing: เช่น สร้างบทความที่มีคุณภาพ หรือ E-Book แลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกับลูกค้าผ่านการดาวน์โหลด E-Book

  • Email Marketing: สร้างอีเมลแคมเปญ เพื่อส่งข่าวสารและโปรโมชันให้กับลูกค้า
    เว็บไซต์: สร้าง Landing Page ที่ดึงดูดและชัดเจน ใช้แบบฟอร์มติดต่อที่ง่ายต่อการกรอกข้อมูล

2. ช่องทางออฟไลน์

  • งานอีเวนต์: เช่น งานแสดงสินค้า งานสัมมนา หรืองานประชุม
  • การตลาดทางตรง: เช่น การแจกโบรชัวร์ แผ่นพับ หรือโปสเตอร์
  • การโทรขาย: ติดต่อลูกค้าโดยตรงเพื่อเสนอสินค้าหรือบริการ

Website แบบ Lead Generation คืออะไร?

Website แบบ Lead Generation คือ เว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับดึงดูด Lead หรือ ลูกค้าเป้าหมาย โดยเน้นการกระตุ้นให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์กรอกข้อมูลหรือดำเนินการบางอย่าง เช่น การสมัครสมาชิก การดาวน์โหลดเอกสาร หรือขอคำปรึกษา ซึ่งข้อมูลที่ได้มานั้น สามารถใช้ในการติดตามผลและเปลี่ยน Lead ให้กลายเป็นลูกค้าของธุรกิจในอนาคตของคุณได้ โดย Website แบบ Lead Generation มีองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้

  • หน้า Landing Page: ใช้สำหรับแคมเปญโฆษณาหรือข้อเสนอพิเศษ
  • Lead Form: แบบฟอร์มที่ง่ายต่อการกรอก เช่น ชื่อ อีเมล และเบอร์โทร
  • CTA (Call to Action): ปุ่มหรือข้อความที่เชิญชวนให้ดำเนินการ เช่น “สมัครเลย” หรือ “รับคำปรึกษาฟรี”
  • ข้อเสนอที่น่าสนใจ (Lead Magnet): เช่น E-book, รายงานวิจัย, หรือการทดลองใช้ฟรี
  • เนื้อหาที่มีคุณค่า: บทความ วิดีโอ หรือข้อมูลที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เยี่ยมชม

MQL ย่อมาจากอะไร?

MQL ย่อมาจาก Marketing Qualified Lead ซึ่งหมายถึง ลูกค้าเป้าหมายที่ผ่านการประเมินและคัดกรองจากฝ่ายการตลาดว่ามีศักยภาพที่จะกลายเป็นลูกค้าจริง โดยมีข้อสังเกต เช่น

  • เป็นผู้ที่แสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการ เช่น การกรอกแบบฟอร์ม การดาวน์โหลด E-Book หรือการสมัครรับข่าวสาร
  • มีการตอบสนองต่อกิจกรรมทางการตลาด เช่น คลิกโฆษณา หรืออ่านบทความในเว็บไซต์
  • อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ

Lead Form คืออะไร ?

Lead Form คือ แบบฟอร์มออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บข้อมูลของ Lead หรือ ลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งมีจุดมุ่งหมาย เพื่อรวบรวมข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจติดต่อและติดตามผู้ที่สนใจสินค้าหรือบริการได้ โดยลักษณะเด่นของ Lead Form เช่น

  • รูปแบบง่ายต่อการกรอกข้อมูล: มีฟิลด์ให้กรอก เช่น ชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลเพิ่มเติมที่จำเป็น
  • ปรากฏในช่องทางต่าง ๆ: เช่น บนเว็บไซต์ Landing Page โซเชียลมีเดีย หรือโฆษณาออนไลน์
Scroll to Top