Table of Contents
สำหรับธุรกิจ B2B ที่ต้องการเพิ่มยอดขาย ปัจจุบันไม่เพียงแค่พึ่งพาการขายแบบดั้งเดิมเท่านั้น โดยในหลาย ๆ ธุรกิจยังหันมาสร้างช่องทางใหม่ ๆ ผ่านระบบ E-Commerce ไม่เพียงแค่เพิ่มความสะดวกในการซื้อขาย แต่ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ และการสร้างยอดขายได้มากขึ้น ซึ่งการสร้างยอดขายสำหรับธุรกิจ B2B มีความแตกต่างจากธุรกิจ B2C โดยธุรกิจทั้ง 2 แบบ มีกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าแตกต่างกัน ซึ่งในบทความนี้เราได้รวบรวมกลยุทธ์เพิ่มยอดขายด้วยระบบ E-Commerce สำหรับธุรกิจ B2B โดยเฉพาะ
กลุ่มลูกค้าของธุรกิจ B2B คือใคร?
สำหรับธุรกิจ B2B (Business-to-Business) เป็นธุรกิจที่มีการขายสินค้าหรือบริการไปยังธุรกิจอื่น เช่น การขายเครื่องจักร อุตสาหกรรมให้กับโรงงานหรือธุรกิจต่าง ๆ การขายวัตถุดิบอาหาร หรือ Agency ที่มีการรับทำการตลาดให้กับองค์กร ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าแตกต่างจากธุรกิจ B2C (Business-to-Consumer) ที่เป็นการขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภคโดยตรง เช่น ร้านขายอาหาร ร้านขายสินค้าต่าง ๆ ดังนั้นกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายจากลูกค้าบนแพลตฟอร์ม E-Commerce สำหรับธุรกิจ B2B จึงไม่สามารถใช้กลยุทธ์แบบเดียวกับธุรกิจ B2C ได้ทั้งหมด
ทำไม E-Commerce ถึงสำคัญสำหรับธุรกิจ B2B?
เมื่อธุรกิจมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ มีการปรับตัวการซื้อขายผ่านระบบ E-Commerce มากยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจ B2B ก็ได้มีการนำระบบ E-Commerce มาใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยเพิ่มยอดขายด้วยความสามารถต่าง ๆ เช่น
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น: โดยระบบ E-Commerce ช่วยให้ธุรกิจ B2B สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วโลก ไม่จำกัดระยะทางและเวลา ทำให้ขยายฐานลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง
- เพิ่มประสิทธิภาพในการขาย: สำหรับธุรกิจ B2B ระบบอัตโนมัติช่วยลดขั้นตอนในการทำงานที่ซ้ำซ้อนและลดขั้นตอนในการขาย ทำให้สามารถปิดดีลได้เร็วขึ้น และลดช่วยต้นทุนในการดำเนินงาน
- สร้างความสะดวกสบายให้กับกลุ่มเป้าหมาย: โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้ามาค้นหาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ: เว็บไซต์ E-Commerce ที่ออกแบบมาอย่างดี จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มเป้าหมาย
กลยุทธ์เพิ่มยอดขายด้วย E-Commerce สำหรับธุรกิจ B2B
1. การปรับตัวธุรกิจให้เหมาะกับพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไป
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจ B2B ต้องหันมาพิจารณาใช้ระบบ E-Commerce นั่นก็คือ พฤติกรรมการซื้อของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป โดยกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าในกลุ่มธุรกิจ B2B เริ่มมีการเปลี่ยนมาการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์และการสั่งซื้อ เช่นเดียวกับกลุ่ม B2C ทำให้การนำระบบ E-Commerce ที่มีประสิทธิภาพมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างยอดขายทางออนไลน์ได้
2. การสร้างประสบการณ์ที่ดี
ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce สามารถใช้การปรับแต่ง UX/UI เพื่อปรับแต่งหน้าร้านค้าให้เกิดความสะดวกในการใช้งาน และการบริการต่าง ๆ ที่สะดวกรวดเร็ว ทำให้สามารถสร้างความประทับใจและประสบการณ์การที่ดีจากการใช้งานและส่งผลให้เกิดความภักดีจนกลายเป็นลูกค้าอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
3. การทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ
การจัดการทำงานแบบอัตโนมัติ เป็นหนึ่งในจุดเด่นของ E-Commerce สำหรับธุรกิจ B2B ยกตัวอย่างเช่น การจัดการคำสั่งซื้อ การออกใบแจ้งหนี้ และการติดตามสินค้าคงคลัง ซึ่งช่วยลดภาระงานของทีมขายและทีมการตลาด ทำให้บริษัทสามารถเน้นไปที่การให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4. การใช้ข้อมูลวิเคราะห์เพื่อขยายตลาด
ธุรกิจ B2B ที่ใช้ E-Commerce สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าได้ง่ายขึ้น เช่น พฤติกรรมการซื้อ หรือความสนใจเฉพาะ โดยสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการหรือเหมาะกับรูปแบบธุรกิจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น การสร้างแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ที่ส่งเสริมการซื้อ
5. การทำการตลาดด้วยการสื่อสารที่เป็นประโยชน์
สำหรับธุรกิจ B2B กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของธุรกิจกลุ่มนี้เมื่อต้องการหาข้อมูลของสิ่งต่าง ๆ จะนิยมใช้การค้นหาผ่านเว็บไซต์หรือ Google มากกว่าการใช้ Social Media แต่ Social Media ก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการใช้สำหรับเพิ่มการรับรู้และสร้างการมองเห็น โดยคอนเทนต์เองก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากคอนเทนต์มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ก็จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ
6. การปรับรูปแบบการชำระเงินได้หลากหลาย
E-Commerce เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถจัดแต่งฟีเจอร์การชำระเงินที่ง่ายและสะดวก อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น Shopify โดยหนึ่งในปัจจัยที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ B2B คือ การเสนอวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงการสนับสนุนการชำระเงินแบบเครดิต ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการงบประมาณได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเลือกรูปแบบสกุลเงินได้หลากหลาย ทำให้ช่วยเพิ่มยอดขายและยังเป็นการเปิดช่องทางในการเปิดตลาดใหม่ ๆ ให้สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ทั้งในระดับท้องถิ่นและต่างประเทศได้ นอกจากนี้ Shopify ยังยังสามารถเลือกรูปแบบแพ็กเกจการใช้งานจาก Shopify Implementation Service ทำให้สามารถปรับแต่งและใช้งานให้เหมาะสมกับธุรกิจได้ พร้อมกับทีมงานที่คอยซัพพอร์ตและให้คำแนะนำต่าง ๆ แบบครบวงจร
บทสรุป
ธุรกิจ B2B ที่ต้องการเพิ่มยอดขายด้วยระบบ E-Commerce การเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมและปรับให้เหมาะกับรูปแบบของธุรกิจจะสามารถช่วยทำให้การเพิ่มยอดขายประสบความสำเร็จได้ แต่สำหรับธุรกิจ B2B ที่อยากก้าวข้ามให้เหนือกว่าคู่แข่ง สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญในระบบ E-Commerce และการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพได้ที่: (คลิกที่นี่)