ทำไมการขายของใน Shopify ถึงได้รับความนิยม และมีข้อดีอย่างไร?

Table of Contents

ทำไมการขายของใน Shopify ถึงได้รับความนิยม และมีข้อดีอย่างไร?

ในยุคที่การค้าขายออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การมีเว็บไซต์ร้านค้าเป็นของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนอาจกำลังมองหาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ครบครัน ซึ่ง Shopify ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกชั้นนำที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก บริษัท Cipher ของเรา ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์ จึงอยากนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ Shopify ให้ทุกคนได้รู้จักกัน ดังนี้

Shopify คือแพลตฟอร์มสร้างเว็บ E-commerce สำเร็จรูป

Shopify คือ แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือสำหรับสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือ E-commerce แบบสำเร็จรูป ที่มาพร้อมกับระบบการขาย ระบบการชำระเงิน และฟีเจอร์ต่างๆที่จำเป็นต่อการจัดการร้านค้า มีความสะดวก ใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องอาศัยความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมหรือออกแบบเว็บไซต์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อยากขายของบน Shopify โดยเฉพาะ Shopify Thailand ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

ฟีเจอร์หลักของ Shopify ที่ช่วยให้สร้างร้านค้าออนไลน์ได้ง่าย

นอกจากความง่ายในการสร้างเว็บแล้ว Shopify ยังมาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอีกด้วย เช่น

  • มีธีมเทมเพลตร้านค้าให้เลือกใช้มากมาย ปรับแต่งได้ง่าย ทำให้การสร้างเว็บไซต์ร้านค้าเป็นเรื่องง่าย
  • รองรับการชำระเงินในหลายช่องทาง ทั้งบัตรเครดิต e-Wallet ต่าง ๆ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ซื้อของใน Shopify
  • มีเครื่องมือจัดการสินค้าคงคลัง ออเดอร์ และการจัดส่งแบบครบวงจร เหมาะกับการขายของบน Shopify
  • เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและช่องทางอื่นๆได้ง่าย ขยายช่องทางขายของใน Shopify ได้อีก
  • มี App Store ไว้ติดตั้งแอพเสริมความสามารถให้ร้านค้าได้มากมาย ตอบโจทย์การขายของใน Shopify

ใครที่เหมาะกับการใช้ Shopify บ้าง ?

Shopify เหมาะสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงธุรกิจออนไลน์ที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น:

  • ร้านค้าออนไลน์ที่ยังไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง อยากมีเว็บไซต์ร้านค้าเพื่อขายของใน Shopify
  • ผู้ขายบน Social Media ที่ต้องการเปิดหน้าร้านเพิ่มเพื่อขายของใน Shopify
  • ธุรกิจ SMEs หรือแบรนด์ที่อยากขยายช่องทางขายไปยังต่างประเทศด้วยการทำเว็บไซต์ร้านค้าด้วย Shopify
  • คนที่อยากลองทำธุรกิจ Dropshipping ขายสินค้าของคนอื่นผ่านการสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ใน Shopify

ข้อดีและข้อจำกัดของ Shopify

ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ Shopify ทำเว็บไซต์ขายของ คุณคงอยากรู้ก่อนว่ามันมีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้าง เรามาดูกันว่า Shopify มีอะไรที่น่าสนใจ และมีเรื่องอะไรที่ต้องพิจารณาบ้าง ลองมาหาคำตอบว่า Shopify ดีไหม กันเลย

ส่องจุดเด่นของ Shopify

ประโยชน์ของ Shopify มีจุดเด่นที่ช่วยให้การสร้างร้านค้าออนไลน์ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ เช่น มีความสะดวกในการใช้งานและสร้างเว็บได้รวดเร็ว ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานบนมือถือโดยเฉพาะเพื่อให้ขายของใน Shopify ได้ง่าย มีระบบที่ปลอดภัยน่าเชื่อถือ มีฟีเจอร์ที่หลากหลายให้เลือกใช้ตามต้องการ รวมถึงมีทีมซัพพอร์ตที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลาที่ขายของใน Shopify

ข้อควรพิจารณาก่อนเลือกใช้ Shopify

อย่างไรก็ตาม การใช้ Shopify ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาให้ดีก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามันเหมาะกับเราจริงๆ และตอบคำถามได้ว่า Shopify ดีไหม สำหรับเรา

แม้ว่า Shopify จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาก่อนเลือกใช้ในการขายของใน Shopify เช่น มีค่าใช้จ่ายรายเดือนและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่อาจสูงกว่าแพลตฟอร์มคู่แข่ง การปรับแต่งเว็บไซต์บางอย่างอาจต้องใช้ทักษะในการเขียนโค้ดหรือต้องซื้อธีมเพิ่ม และการย้ายข้อมูลออกไปแพลตฟอร์มอื่นอาจทำได้ยากกว่าถ้าเทียบกับการขายของบน Shopify

แพ็คเกจและราคาของ Shopify

การเลือกแพ็คเกจและดูราคาของ Shopify เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์และขายของใน Shopify นั้นคุ้มค่ากับธุรกิจของเราหรือไม่ เรามาดูรายละเอียดของแต่ละแพ็คเกจสำหรับ Shopify ในไทยกัน

ระดับแพ็คเกจของ Shopify

Shopify มีให้เลือกหลายระดับแพ็คเกจ เพื่อรองรับความต้องการและขนาดธุรกิจที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ร้านเล็กๆ ยันองค์กรใหญ่

  • Shopify Lite ($9/เดือน): ขายของผ่านเฟซบุ๊กและแชทได้ แต่ไม่มีเว็บไซต์ร้านค้า
  • Basic Shopify ($29/เดือน): มีฟีเจอร์พื้นฐานครบสำหรับมือใหม่ที่เริ่มขายของใน Shopify
  • Shopify ($79/เดือน): เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นกลางและรายงานที่ละเอียดขึ้น
  • Advanced Shopify ($299/เดือน): สำหรับธุรกิจใหญ่ที่มีหลายสาขา ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง
  • Shopify Plus (ราคาคำนวณตามธุรกิจ): รองรับธุรกิจขนาดใหญ่ มีทีมผู้เชี่ยวชาญดูแลเฉพาะ

ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องในการใช้ Shopify

นอกจากค่าแพ็คเกจหลักที่ต้องจ่ายเป็นรายเดือนแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมย่อย ๆ อื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ Shopify ด้วย ควรศึกษาให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด

  • ค่าธรรมเนียมการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตโดยตรง
  • ค่าธรรมเนียมการชำระเงินผ่านผู้ให้บริการภายนอก เช่น Paypal
  • ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่อออเดอร์
  • ค่าธรรมเนียมในการซื้อธีม แอพเสริม หรือโดเมนเพิ่มเติม

สิ่งที่คุณสามารถขายบนเว็บไซต์ Shopify ได้

หลายคนสงสัยว่า Shopify ขายอะไรได้บ้าง มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไรในการลงขายของบน Shopify เรามาหาคำตอบไขข้อข้องใจเรื่องนี้กัน เพื่อให้รู้ว่าเราสามารถขายของใน Shopify ได้หรือไม่

ประเภทสินค้าที่ขายได้บน Shopify

Shopify ถือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เปิดกว้าง ขายของได้หลากหลายประเภท ตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์แทบทุกแบรนด์ที่ต้องการขายของใน Shopify Thailand

  • แฟชั่นและเสื้อผ้า
  • ความงามและของใช้ส่วนตัว
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • อาหารและเครื่องดื่ม
  • สินค้าไลฟ์สไตล์และของใช้ในบ้าน
  • ผลงานศิลปะหรือดนตรี
  • สินค้าแฮนด์เมดหรือ DIY
  • สินค้าเพื่อสุขภาพหรือการออกกำลังกาย

สินค้าต้องห้ามที่ไม่สามารถจำหน่ายบน Shopify

อย่างไรก็ตาม Shopify ก็มีสินค้าบางอย่างที่ไม่อนุญาตให้ขาย เนื่องจากขัดต่อกฎหมายหรือนโยบายของแพลตฟอร์ม ซึ่งผู้ขายจำเป็นต้องรู้ไว้ก่อน

  • ยาเสพติดและสารควบคุม
  • สินค้าผิดกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
  • อาวุธปืนและวัตถุระเบิด
  • บริการเกี่ยวกับการพนัน
  • สินค้าเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติหรือสื่อลามกอนาจาร
  • สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า

ขั้นตอนการเปิดร้านค้าออนไลน์บน Shopify

หลังจากที่รู้จัก Shopify กันมาพอสมควรแล้ว หากใครสนใจอยากเปิดร้านบน Shopify เพื่อขายของใน Shopify ละก็ ลองมาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรที่ต้องทำบ้าง จะได้เตรียมตัวและลงมือทำได้ถูกทาง เพื่อให้มีเว็บไซต์ร้านค้าที่พร้อมขายของบน Shopify

การเริ่มต้นสมัครใช้งาน Shopify

การเริ่มสร้างร้านค้าออนไลน์บน Shopify ขั้นแรกเลยคือ ต้องสมัครบัญชี Shopify ให้เรียบร้อยก่อน โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

  1. ไปที่เว็บไซต์ Shopify.com เลือกแพ็คเกจและคลิกสมัครใช้งาน
  2. กรอกรายละเอียดส่วนตัวและข้อมูลร้านค้าพื้นฐาน
  3. เลือกโดเมนสำหรับเว็บไซต์ร้านค้า ใช้โดเมนฟรีของ Shopify หรือซื้อโดเมนใหม่ก็ได้
  4. เข้าสู่หน้าหลังบ้าน (Dashboard) ของร้านค้าบน Shopify พร้อมการตั้งค่าเบื้องต้น

การปรับแต่งรูปลักษณ์เว็บไซต์ด้วยธีมสำเร็จรูป

เมื่อสมัครบัญชีเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการปรับแต่งรูปลักษณ์หน้าตาของเว็บไซต์ร้านค้าให้สวยงามน่าสนใจ ด้วยธีมสำเร็จรูปที่ Shopify มีให้เลือกมากมาย เพื่อให้เว็บไซต์ขายของออนไลน์ของเราโดดเด่นและดึงดูดลูกค้า

  1. ไปที่เมนู Themes ในหน้า Dashboard เลือกธีมฟรีหรือซื้อธีมพรีเมี่ยมได้ตามใจชอบ
  2. คลิกที่ปุ่ม Customize เพื่อเข้าสู่หน้าปรับแต่งรูปลักษณ์ของเว็บไซต์ร้านค้า
  3. จัดเรียงตำแหน่งของเมนู แบนเนอร์ คอลเลคชั่นสินค้า เนื้อหาต่างๆได้ตามต้องการ
  4. ใส่โลโก้ร้านค้า แบนเนอร์ และรูปภาพต่างๆลงในหน้าเว็บ เลือกสีธีมและฟอนต์ให้เข้ากับแบรนด์
  5. เชื่อมต่อช่องทางโซเชียลมีเดียกับร้านค้า เพิ่มวิดเจ็ตหรือปลั๊กอินได้ตามต้องการ

การเพิ่มสินค้าและจัดการสต๊อก

เมื่อปรับแต่งรูปลักษณ์เว็บไซต์เสร็จสิ้นแล้ว งานต่อไปที่สำคัญคือการเพิ่มสินค้าและข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เข้าไปในร้านค้า เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นและตัดสินใจซื้อ พร้อมกับจัดการสต๊อกสินค้าควบคู่กันไป เพื่อให้พร้อมขายของบน Shopify อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ไปที่หน้า Products ในหน้า Dashboard คลิกที่ Add product เพื่อเพิ่มสินค้าใหม่
  2. อัพโหลดรูปสินค้า กรอกชื่อ คำอธิบาย ราคา น้ำหนัก และ SKU ของสินค้าแต่ละชิ้น
  3. เพิ่มสินค้าเข้าคอลเลคชั่นหรือหมวดหมู่ เลือกสถานะและความพร้อมขายของสินค้า
  4. หากมีสต๊อกสินค้าหลายแบบหลายขนาด สามารถตั้งค่ารายละเอียดเพิ่มเติม ราคาและสต๊อกแยกย่อยได้
  5. ดูแลปรับปรุงสต๊อกสินค้าให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้ระบบสามารถแสดงสถานะและมูลค่าสินค้าคงคลังได้

การตั้งค่าการชำระเงินและการจัดส่ง

อีกสองเรื่องสำคัญที่ต้องตั้งค่าให้พร้อมก่อนเปิดร้าน คือการเพิ่มช่องทางรับชำระเงินจากลูกค้า และการกำหนดวิธีการจัดส่งสินค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อและรับของได้อย่างสะดวก

  1. ไปที่หน้า Settings เลือกเมนู Payments เพื่อเพิ่มช่องทางการชำระเงินให้ลูกค้า
  2. เชื่อมต่อบัญชี Shopify Payments หรือผู้ให้บริการชำระเงินภายนอก เช่น Paypal, 2C2P, Omise
  3. ตั้งค่าสกุลเงินที่ใช้ในร้าน กำหนดภาษีและค่าจัดส่งตามโซนพื้นที่ต่าง ๆ
  4. เลือกขนส่งที่รองรับ ตั้งค่าน้ำหนัก ขนาดกล่อง ค่าจัดส่ง และ Lead Time
  5. ตรวจสอบค่าธรรมเนียมของผู้ให้บริการแต่ละราย เพื่อคำนวณต้นทุนและกำไรที่เหมาะสม

เทคนิคการปรับแต่งและโปรโมทร้านค้าเพิ่มเติม

เมื่อเตรียมความพร้อมทุกอย่างสำหรับการเปิดร้านและขายของใน Shopify แล้ว ก็มีเทคนิคบางอย่างที่จะช่วยให้เว็บไซต์ขายของออนไลน์ของเรามีความน่าสนใจและมีลูกค้าเข้ามาซื้อของมากขึ้น ด้วยการปรับแต่งและโปรโมตเพิ่มเติม

  1. เชื่อมต่อร้านค้ากับ Google Analytics เพื่อวัดผลเข้าชมและกิจกรรมภายในร้านขณะขายของใน Shopify
  2. ใช้เครื่องมือ SEO เสริมใน Shopify เพื่อปรับแต่งข้อมูล Meta เพิ่มการปรากฏบนเสิร์ชเอนจิน เพิ่มโอกาสให้เจอเว็บไซต์ร้านค้าของเรา
  3. เพิ่มแอพอย่าง Oberlo เพื่อทำ Dropship หรือแอพอื่นๆเพื่อเพิ่มความสามารถร้านค้าในการขายของบน Shopify
  4. ทำระบบ Abandoned Cart เพื่อส่งอีเมลเตือนลูกค้าที่เลือกสินค้าไว้แต่ยังไม่สำเร็จการสั่งซื้อ กระตุ้นให้กลับมาซื้อให้สำเร็จ
  5. สร้างโปรโมชั่น ส่วนลด หรือโค้ดคูปองผ่าน Discount ในหน้า Dashboard เพื่อจูงใจให้ลูกค้าซื้อของใน Shopify ของเรามากขึ้น

เทคนิคและเคล็ดลับในการขายของออนไลน์ให้ปังด้วย Shopify

เมื่อมีร้านบน Shopify พร้อมแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือการทำให้ร้านปัง สร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เรามีเทคนิคและเคล็ดลับดี ๆ มาฝากค่ะ ลองนำไปประยุกต์ใช้กันดู รับรองว่าธุรกิจของคุณต้องเติบโตแน่นอน

การเลือกผลิตภัณฑ์ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

การเลือกสินค้ามาขายบน Shopify ควรเริ่มจากการสำรวจตลาด วิเคราะห์คู่แข่งและความต้องการของกลุ่มลูกค้า เลือกสินค้าที่มีความโดดเด่นตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทดลองขายสินค้าจำนวนน้อยก่อนตัดสินใจสต๊อกจำนวนมาก เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากสินค้าที่ขายดี

กลยุทธ์การสร้างแบรนด์บน Shopify

การสร้างแบรนด์บนเว็บ Shopify ทำได้โดยการออกแบบโลโก้ สี ภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น สื่อสารเรื่องราวและคุณค่าของแบรนด์ให้เข้าถึงใจลูกค้า รักษาความสม่ำเสมอในการนำเสนอแบรนด์ในทุกช่องทาง และสร้างความไว้วางใจ ความผูกพันกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

วิธีเพิ่มยอดขายด้วยการทำการตลาดร่วมกับ Shopify

Shopify มีเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างบทความรีวิว เพื่อให้ความรู้และดึงดูดลูกค้า การไลฟ์ขายผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การทำโฆษณาบน Google, Facebook เพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ การส่งอีเมลเสนอโปรโมชั่นแก่ลูกค้าเก่า รวมถึงการกระตุ้นให้ลูกค้ารีวิวและแชร์เนื้อหา เพื่อช่วยโปรโมตแบรนด์ได้ฟรี

บทสรุป

ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีอยู่แล้วแต่ต้องการขยายช่องทางไปสู่ตลาด E-Commerce การเลือก ใช้ Shopify ในการทำเว็บไซต์ร้านค้า ก็จะช่วยให้คุณเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในต้นทุนที่สมเหตุสมผล

บริษัท Cipher พร้อมเป็นตัวช่วยให้กับธุรกิจของคุณ ด้วยบริการ รับทำเว็บ Shopify แบบครบวงจร ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบเว็บไซต์ สร้างร้านค้าขึ้นมา จัดทำเนื้อหาและภาพถ่ายสินค้า ตลอดจนช่วยสอนลูกค้าจนสามารถบริหารร้านได้ด้วยตนเอง เรายินดีเป็นพาร์ทเนอร์ค่ะ ติดต่อเราได้ทันที เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวไกลในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็วและมั่นคง

สนใจบริการ

คำถามที่พบบ่อย

Shopify เสียเงินไหม ?

แม้ Shopify จะอ้างว่าสามารถใช้งานได้ฟรี แต่ในความเป็นจริง ก็มีค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ Shopify ต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าแพ็คเกจรายเดือน ค่าธรรมเนียมต่างๆ ค่าซื้อธีมและแอพเสริม ยิ่งเราต้องการฟีเจอร์ที่มากขึ้นเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อคิดเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ มันถือว่าคุ้มค่าในการเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์บนระบบที่มีความพร้อมสูงอย่าง Shopify

Shopify ทําธุรกิจอะไร ?

Shopify เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม SaaS หรือซอฟต์แวร์บนคลาวด์ ที่ให้บริการเครื่องมือสำหรับสร้างและดำเนินธุรกิจ E-Commerce แบบครบวงจร โดยเน้นบริการแก่ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง หรือผู้ประกอบการรายใหม่ที่อยากมีเว็บไซต์ขายของออนไลน์เป็นของตัวเอง ทำให้วันนี้เราจึงเห็นร้านค้าออนไลน์มากมายที่ใช้ Shopify เป็นแพลตฟอร์มหลักในการขายสินค้าหรือบริการของตน

Shopify ของใคร ?

Shopify ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 โดย Tobias Lütke และ Scott Lake ในรูปแบบบริษัทจำกัด และได้ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ NYSE ในปี 2015 มี Tobi Lütke เป็น CEO ปัจจุบัน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา

กิจกรรม Shopify คืออะไร ?

กิจกรรม Shopify (Shopify Activities) คือ บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในร้านค้า เช่น การเข้าสู่ระบบของผู้ดูแล การอัพเดทสินค้า การสั่งซื้อของลูกค้า การอัพเกรดแพ็คเกจ เป็นต้น ผู้ใช้สามารถเรียกดูประวัติ Activities ย้อนหลังได้ เพื่อทำความเข้าใจลำดับเหตุการณ์ หรือตรวจสอบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระบบร้านค้า ช่วยให้สามารถจัดการปัญหาเบื้องต้นที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากทีมซัพพอร์ตของ Shopify

Scroll to Top