Table of Contents
ทำไมการขายของใน Shopify ถึงได้รับความนิยม และมีข้อดีอย่างไร?
ในยุคที่การค้าขายออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การมีเว็บไซต์ร้านค้าเป็นของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนอาจกำลังมองหาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ครบครัน ซึ่ง Shopify ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกชั้นนำที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก บริษัท Cipher ของเรา ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์ จึงอยากนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ Shopify ให้ทุกคนได้รู้จักกัน ดังนี้
Shopify คือแพลตฟอร์มสร้างเว็บ E-commerce สำเร็จรูป
Shopify คือ แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือสำหรับสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือ E-commerce แบบสำเร็จรูป ที่มาพร้อมกับระบบการขาย ระบบการชำระเงิน และฟีเจอร์ต่างๆที่จำเป็นต่อการจัดการร้านค้า มีความสะดวก ใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องอาศัยความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมหรือออกแบบเว็บไซต์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อยากขายของบน Shopify โดยเฉพาะ Shopify Thailand ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฟีเจอร์หลักของ Shopify ที่ช่วยให้สร้างร้านค้าออนไลน์ได้ง่าย
นอกจากความง่ายในการสร้างเว็บแล้ว Shopify ยังมาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอีกด้วย เช่น
- มีธีมเทมเพลตร้านค้าให้เลือกใช้มากมาย ปรับแต่งได้ง่าย ทำให้การสร้างเว็บไซต์ร้านค้าเป็นเรื่องง่าย
- รองรับการชำระเงินในหลายช่องทาง ทั้งบัตรเครดิต e-Wallet ต่าง ๆ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ซื้อของใน Shopify
- มีเครื่องมือจัดการสินค้าคงคลัง ออเดอร์ และการจัดส่งแบบครบวงจร เหมาะกับการขายของบน Shopify
- เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและช่องทางอื่นๆได้ง่าย ขยายช่องทางขายของใน Shopify ได้อีก
- มี App Store ไว้ติดตั้งแอพเสริมความสามารถให้ร้านค้าได้มากมาย ตอบโจทย์การขายของใน Shopify
ใครที่เหมาะกับการใช้ Shopify บ้าง ?
Shopify เหมาะสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงธุรกิจออนไลน์ที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น:
- ร้านค้าออนไลน์ที่ยังไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง อยากมีเว็บไซต์ร้านค้าเพื่อขายของใน Shopify
- ผู้ขายบน Social Media ที่ต้องการเปิดหน้าร้านเพิ่มเพื่อขายของใน Shopify
- ธุรกิจ SMEs หรือแบรนด์ที่อยากขยายช่องทางขายไปยังต่างประเทศด้วยการทำเว็บไซต์ร้านค้าด้วย Shopify
- คนที่อยากลองทำธุรกิจ Dropshipping ขายสินค้าของคนอื่นผ่านการสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ใน Shopify
ข้อดีและข้อจำกัดของ Shopify
ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ Shopify ทำเว็บไซต์ขายของ คุณคงอยากรู้ก่อนว่ามันมีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้าง เรามาดูกันว่า Shopify มีอะไรที่น่าสนใจ และมีเรื่องอะไรที่ต้องพิจารณาบ้าง ลองมาหาคำตอบว่า Shopify ดีไหม กันเลย
ส่องจุดเด่นของ Shopify
ประโยชน์ของ Shopify มีจุดเด่นที่ช่วยให้การสร้างร้านค้าออนไลน์ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ เช่น มีความสะดวกในการใช้งานและสร้างเว็บได้รวดเร็ว ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานบนมือถือโดยเฉพาะเพื่อให้ขายของใน Shopify ได้ง่าย มีระบบที่ปลอดภัยน่าเชื่อถือ มีฟีเจอร์ที่หลากหลายให้เลือกใช้ตามต้องการ รวมถึงมีทีมซัพพอร์ตที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลาที่ขายของใน Shopify
ข้อควรพิจารณาก่อนเลือกใช้ Shopify
อย่างไรก็ตาม การใช้ Shopify ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาให้ดีก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามันเหมาะกับเราจริงๆ และตอบคำถามได้ว่า Shopify ดีไหม สำหรับเรา
แม้ว่า Shopify จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาก่อนเลือกใช้ในการขายของใน Shopify เช่น มีค่าใช้จ่ายรายเดือนและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่อาจสูงกว่าแพลตฟอร์มคู่แข่ง การปรับแต่งเว็บไซต์บางอย่างอาจต้องใช้ทักษะในการเขียนโค้ดหรือต้องซื้อธีมเพิ่ม และการย้ายข้อมูลออกไปแพลตฟอร์มอื่นอาจทำได้ยากกว่าถ้าเทียบกับการขายของบน Shopify
แพ็คเกจและราคาของ Shopify
การเลือกแพ็คเกจและดูราคาของ Shopify เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์และขายของใน Shopify นั้นคุ้มค่ากับธุรกิจของเราหรือไม่ เรามาดูรายละเอียดของแต่ละแพ็คเกจสำหรับ Shopify ในไทยกัน
ระดับแพ็คเกจของ Shopify
Shopify มีให้เลือกหลายระดับแพ็คเกจ เพื่อรองรับความต้องการและขนาดธุรกิจที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ร้านเล็กๆ ยันองค์กรใหญ่
- Shopify Lite ($9/เดือน): ขายของผ่านเฟซบุ๊กและแชทได้ แต่ไม่มีเว็บไซต์ร้านค้า
- Basic Shopify ($29/เดือน): มีฟีเจอร์พื้นฐานครบสำหรับมือใหม่ที่เริ่มขายของใน Shopify
- Shopify ($79/เดือน): เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นกลางและรายงานที่ละเอียดขึ้น
- Advanced Shopify ($299/เดือน): สำหรับธุรกิจใหญ่ที่มีหลายสาขา ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง
- Shopify Plus (ราคาคำนวณตามธุรกิจ): รองรับธุรกิจขนาดใหญ่ มีทีมผู้เชี่ยวชาญดูแลเฉพาะ
ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องในการใช้ Shopify
นอกจากค่าแพ็คเกจหลักที่ต้องจ่ายเป็นรายเดือนแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมย่อย ๆ อื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ Shopify ด้วย ควรศึกษาให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
- ค่าธรรมเนียมการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตโดยตรง
- ค่าธรรมเนียมการชำระเงินผ่านผู้ให้บริการภายนอก เช่น Paypal
- ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่อออเดอร์
- ค่าธรรมเนียมในการซื้อธีม แอพเสริม หรือโดเมนเพิ่มเติม
สิ่งที่คุณสามารถขายบนเว็บไซต์ Shopify ได้
หลายคนสงสัยว่า Shopify ขายอะไรได้บ้าง มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไรในการลงขายของบน Shopify เรามาหาคำตอบไขข้อข้องใจเรื่องนี้กัน เพื่อให้รู้ว่าเราสามารถขายของใน Shopify ได้หรือไม่
ประเภทสินค้าที่ขายได้บน Shopify
Shopify ถือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เปิดกว้าง ขายของได้หลากหลายประเภท ตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์แทบทุกแบรนด์ที่ต้องการขายของใน Shopify Thailand
- แฟชั่นและเสื้อผ้า
- ความงามและของใช้ส่วนตัว
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- อาหารและเครื่องดื่ม
- สินค้าไลฟ์สไตล์และของใช้ในบ้าน
- ผลงานศิลปะหรือดนตรี
- สินค้าแฮนด์เมดหรือ DIY
- สินค้าเพื่อสุขภาพหรือการออกกำลังกาย
สินค้าต้องห้ามที่ไม่สามารถจำหน่ายบน Shopify
อย่างไรก็ตาม Shopify ก็มีสินค้าบางอย่างที่ไม่อนุญาตให้ขาย เนื่องจากขัดต่อกฎหมายหรือนโยบายของแพลตฟอร์ม ซึ่งผู้ขายจำเป็นต้องรู้ไว้ก่อน
- ยาเสพติดและสารควบคุม
- สินค้าผิดกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
- อาวุธปืนและวัตถุระเบิด
- บริการเกี่ยวกับการพนัน
- สินค้าเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติหรือสื่อลามกอนาจาร
- สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า
ขั้นตอนการเปิดร้านค้าออนไลน์บน Shopify
หลังจากที่รู้จัก Shopify กันมาพอสมควรแล้ว หากใครสนใจอยากเปิดร้านบน Shopify เพื่อขายของใน Shopify ละก็ ลองมาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรที่ต้องทำบ้าง จะได้เตรียมตัวและลงมือทำได้ถูกทาง เพื่อให้มีเว็บไซต์ร้านค้าที่พร้อมขายของบน Shopify
การเริ่มต้นสมัครใช้งาน Shopify
การเริ่มสร้างร้านค้าออนไลน์บน Shopify ขั้นแรกเลยคือ ต้องสมัครบัญชี Shopify ให้เรียบร้อยก่อน โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- ไปที่เว็บไซต์ Shopify.com เลือกแพ็คเกจและคลิกสมัครใช้งาน
- กรอกรายละเอียดส่วนตัวและข้อมูลร้านค้าพื้นฐาน
- เลือกโดเมนสำหรับเว็บไซต์ร้านค้า ใช้โดเมนฟรีของ Shopify หรือซื้อโดเมนใหม่ก็ได้
- เข้าสู่หน้าหลังบ้าน (Dashboard) ของร้านค้าบน Shopify พร้อมการตั้งค่าเบื้องต้น
การปรับแต่งรูปลักษณ์เว็บไซต์ด้วยธีมสำเร็จรูป
เมื่อสมัครบัญชีเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการปรับแต่งรูปลักษณ์หน้าตาของเว็บไซต์ร้านค้าให้สวยงามน่าสนใจ ด้วยธีมสำเร็จรูปที่ Shopify มีให้เลือกมากมาย เพื่อให้เว็บไซต์ขายของออนไลน์ของเราโดดเด่นและดึงดูดลูกค้า
- ไปที่เมนู Themes ในหน้า Dashboard เลือกธีมฟรีหรือซื้อธีมพรีเมี่ยมได้ตามใจชอบ
- คลิกที่ปุ่ม Customize เพื่อเข้าสู่หน้าปรับแต่งรูปลักษณ์ของเว็บไซต์ร้านค้า
- จัดเรียงตำแหน่งของเมนู แบนเนอร์ คอลเลคชั่นสินค้า เนื้อหาต่างๆได้ตามต้องการ
- ใส่โลโก้ร้านค้า แบนเนอร์ และรูปภาพต่างๆลงในหน้าเว็บ เลือกสีธีมและฟอนต์ให้เข้ากับแบรนด์
- เชื่อมต่อช่องทางโซเชียลมีเดียกับร้านค้า เพิ่มวิดเจ็ตหรือปลั๊กอินได้ตามต้องการ
การเพิ่มสินค้าและจัดการสต๊อก
เมื่อปรับแต่งรูปลักษณ์เว็บไซต์เสร็จสิ้นแล้ว งานต่อไปที่สำคัญคือการเพิ่มสินค้าและข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เข้าไปในร้านค้า เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นและตัดสินใจซื้อ พร้อมกับจัดการสต๊อกสินค้าควบคู่กันไป เพื่อให้พร้อมขายของบน Shopify อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไปที่หน้า Products ในหน้า Dashboard คลิกที่ Add product เพื่อเพิ่มสินค้าใหม่
- อัพโหลดรูปสินค้า กรอกชื่อ คำอธิบาย ราคา น้ำหนัก และ SKU ของสินค้าแต่ละชิ้น
- เพิ่มสินค้าเข้าคอลเลคชั่นหรือหมวดหมู่ เลือกสถานะและความพร้อมขายของสินค้า
- หากมีสต๊อกสินค้าหลายแบบหลายขนาด สามารถตั้งค่ารายละเอียดเพิ่มเติม ราคาและสต๊อกแยกย่อยได้
- ดูแลปรับปรุงสต๊อกสินค้าให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้ระบบสามารถแสดงสถานะและมูลค่าสินค้าคงคลังได้
การตั้งค่าการชำระเงินและการจัดส่ง
อีกสองเรื่องสำคัญที่ต้องตั้งค่าให้พร้อมก่อนเปิดร้าน คือการเพิ่มช่องทางรับชำระเงินจากลูกค้า และการกำหนดวิธีการจัดส่งสินค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อและรับของได้อย่างสะดวก
- ไปที่หน้า Settings เลือกเมนู Payments เพื่อเพิ่มช่องทางการชำระเงินให้ลูกค้า
- เชื่อมต่อบัญชี Shopify Payments หรือผู้ให้บริการชำระเงินภายนอก เช่น Paypal, 2C2P, Omise
- ตั้งค่าสกุลเงินที่ใช้ในร้าน กำหนดภาษีและค่าจัดส่งตามโซนพื้นที่ต่าง ๆ
- เลือกขนส่งที่รองรับ ตั้งค่าน้ำหนัก ขนาดกล่อง ค่าจัดส่ง และ Lead Time
- ตรวจสอบค่าธรรมเนียมของผู้ให้บริการแต่ละราย เพื่อคำนวณต้นทุนและกำไรที่เหมาะสม
เทคนิคการปรับแต่งและโปรโมทร้านค้าเพิ่มเติม
เมื่อเตรียมความพร้อมทุกอย่างสำหรับการเปิดร้านและขายของใน Shopify แล้ว ก็มีเทคนิคบางอย่างที่จะช่วยให้เว็บไซต์ขายของออนไลน์ของเรามีความน่าสนใจและมีลูกค้าเข้ามาซื้อของมากขึ้น ด้วยการปรับแต่งและโปรโมตเพิ่มเติม
- เชื่อมต่อร้านค้ากับ Google Analytics เพื่อวัดผลเข้าชมและกิจกรรมภายในร้านขณะขายของใน Shopify
- ใช้เครื่องมือ SEO เสริมใน Shopify เพื่อปรับแต่งข้อมูล Meta เพิ่มการปรากฏบนเสิร์ชเอนจิน เพิ่มโอกาสให้เจอเว็บไซต์ร้านค้าของเรา
- เพิ่มแอพอย่าง Oberlo เพื่อทำ Dropship หรือแอพอื่นๆเพื่อเพิ่มความสามารถร้านค้าในการขายของบน Shopify
- ทำระบบ Abandoned Cart เพื่อส่งอีเมลเตือนลูกค้าที่เลือกสินค้าไว้แต่ยังไม่สำเร็จการสั่งซื้อ กระตุ้นให้กลับมาซื้อให้สำเร็จ
- สร้างโปรโมชั่น ส่วนลด หรือโค้ดคูปองผ่าน Discount ในหน้า Dashboard เพื่อจูงใจให้ลูกค้าซื้อของใน Shopify ของเรามากขึ้น
เทคนิคและเคล็ดลับในการขายของออนไลน์ให้ปังด้วย Shopify
เมื่อมีร้านบน Shopify พร้อมแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือการทำให้ร้านปัง สร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เรามีเทคนิคและเคล็ดลับดี ๆ มาฝากค่ะ ลองนำไปประยุกต์ใช้กันดู รับรองว่าธุรกิจของคุณต้องเติบโตแน่นอน
การเลือกผลิตภัณฑ์ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
การเลือกสินค้ามาขายบน Shopify ควรเริ่มจากการสำรวจตลาด วิเคราะห์คู่แข่งและความต้องการของกลุ่มลูกค้า เลือกสินค้าที่มีความโดดเด่นตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทดลองขายสินค้าจำนวนน้อยก่อนตัดสินใจสต๊อกจำนวนมาก เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากสินค้าที่ขายดี
กลยุทธ์การสร้างแบรนด์บน Shopify
การสร้างแบรนด์บนเว็บ Shopify ทำได้โดยการออกแบบโลโก้ สี ภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น สื่อสารเรื่องราวและคุณค่าของแบรนด์ให้เข้าถึงใจลูกค้า รักษาความสม่ำเสมอในการนำเสนอแบรนด์ในทุกช่องทาง และสร้างความไว้วางใจ ความผูกพันกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
วิธีเพิ่มยอดขายด้วยการทำการตลาดร่วมกับ Shopify
Shopify มีเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างบทความรีวิว เพื่อให้ความรู้และดึงดูดลูกค้า การไลฟ์ขายผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การทำโฆษณาบน Google, Facebook เพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ การส่งอีเมลเสนอโปรโมชั่นแก่ลูกค้าเก่า รวมถึงการกระตุ้นให้ลูกค้ารีวิวและแชร์เนื้อหา เพื่อช่วยโปรโมตแบรนด์ได้ฟรี
บทสรุป
ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีอยู่แล้วแต่ต้องการขยายช่องทางไปสู่ตลาด E-Commerce การเลือก ใช้ Shopify ในการทำเว็บไซต์ร้านค้า ก็จะช่วยให้คุณเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในต้นทุนที่สมเหตุสมผล
บริษัท Cipher พร้อมเป็นตัวช่วยให้กับธุรกิจของคุณ ด้วยบริการ รับทำเว็บ Shopify แบบครบวงจร ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบเว็บไซต์ สร้างร้านค้าขึ้นมา จัดทำเนื้อหาและภาพถ่ายสินค้า ตลอดจนช่วยสอนลูกค้าจนสามารถบริหารร้านได้ด้วยตนเอง เรายินดีเป็นพาร์ทเนอร์ค่ะ ติดต่อเราได้ทันที เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวไกลในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็วและมั่นคง
สนใจบริการ
คำถามที่พบบ่อย
Shopify เสียเงินไหม ?
แม้ Shopify จะอ้างว่าสามารถใช้งานได้ฟรี แต่ในความเป็นจริง ก็มีค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ Shopify ต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าแพ็คเกจรายเดือน ค่าธรรมเนียมต่างๆ ค่าซื้อธีมและแอพเสริม ยิ่งเราต้องการฟีเจอร์ที่มากขึ้นเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อคิดเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ มันถือว่าคุ้มค่าในการเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์บนระบบที่มีความพร้อมสูงอย่าง Shopify
Shopify ทําธุรกิจอะไร ?
Shopify เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม SaaS หรือซอฟต์แวร์บนคลาวด์ ที่ให้บริการเครื่องมือสำหรับสร้างและดำเนินธุรกิจ E-Commerce แบบครบวงจร โดยเน้นบริการแก่ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง หรือผู้ประกอบการรายใหม่ที่อยากมีเว็บไซต์ขายของออนไลน์เป็นของตัวเอง ทำให้วันนี้เราจึงเห็นร้านค้าออนไลน์มากมายที่ใช้ Shopify เป็นแพลตฟอร์มหลักในการขายสินค้าหรือบริการของตน
Shopify ของใคร ?
Shopify ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 โดย Tobias Lütke และ Scott Lake ในรูปแบบบริษัทจำกัด และได้ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ NYSE ในปี 2015 มี Tobi Lütke เป็น CEO ปัจจุบัน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา
กิจกรรม Shopify คืออะไร ?
กิจกรรม Shopify (Shopify Activities) คือ บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในร้านค้า เช่น การเข้าสู่ระบบของผู้ดูแล การอัพเดทสินค้า การสั่งซื้อของลูกค้า การอัพเกรดแพ็คเกจ เป็นต้น ผู้ใช้สามารถเรียกดูประวัติ Activities ย้อนหลังได้ เพื่อทำความเข้าใจลำดับเหตุการณ์ หรือตรวจสอบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระบบร้านค้า ช่วยให้สามารถจัดการปัญหาเบื้องต้นที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากทีมซัพพอร์ตของ Shopify