Table of Contents
ทำไม Shopify ถึงเหมาะกับการสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ?
การมีเว็บไซต์ขายสินค้าเป็นของตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ และ Shopify ก็ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการสร้างร้านค้าออนไลน์ เนื่องจากมีระบบและฟีเจอร์ที่ครบครันพร้อมใช้งาน ทำให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ขายของได้ง่ายๆ ภายในไม่กี่คลิก ที่สำคัญคือไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมแต่อย่างใด เพียงแค่สมัครใช้บริการ เลือกรูปแบบธีม และอัปโหลดรูปสินค้า ก็พร้อมที่จะเริ่มขายของออนไลน์ได้ทันที!
ที่ Cipher เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเว็บไซต์ ecommerce ด้วย Shopify โดยเฉพาะ และพร้อมที่จะช่วยให้คุณสร้างร้านค้าออนไลน์ในฝันได้อย่างง่ายดาย มีประสิทธิภาพ และเกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีที่สุด โดยเรามีทีมงานมืออาชีพพร้อมดูแลและให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบหน้าเว็บ การเชื่อมต่อระบบต่างๆ ไปจนถึงการทำการตลาดออนไลน์เพื่อดึงดูดลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน
Shopify คือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ
Shopify ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำของโลก ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากมีระบบบริหารจัดการร้านค้าที่ครอบคลุม รองรับ Shopify Plans ที่หลากหลายขนาดธุรกิจ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรใหญ่ ทำให้ Shopify เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่อยากเปิด Webshop Shopify หรือ Shopify Webshop โดยไม่ต้องมีความรู้ด้าน coding หรือลงทุนกับเซิร์ฟเวอร์เอง
แพลตฟอร์มนี้มาพร้อมกับเครื่องมือเสริมมากมาย ที่จะช่วยให้คุณบริหารธุรกิจออนไลน์ได้จากที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสต๊อกสินค้า การจัดส่ง การจ่ายเงินและเก็บเงิน การทำการตลาด ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้ผู้ประกอบการ Shopify ในไทย ไม่ต้องใช้ software หรือระบบอื่นๆ เพิ่มเติมอีก Shopify Thailand ก็พร้อมที่จะตอบสนองทุกความต้องการของธุรกิจ ecommerce แล้ว
ฟีเจอร์เด่นๆ ของ Shopify Website มีอะไรบ้าง ?
- สร้างเว็บไซต์สวยงามด้วยธีมสำเร็จรูป: Shopify มีธีมสำเร็จรูปให้เลือกใช้มากมายทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน หรือใครอยากได้เว็บไซต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็สามารถ Shopify Web Design ได้เอง โดยเลือกใช้ drag-and-drop page builder หรือว่าอยากได้เว็บที่ customize ได้มากกว่าก็สามารถแก้ไขโค้ดเองได้ด้วย
- เชื่อมต่อการขายทั้ง online และ offline ผ่านระบบ POS: สามารถเชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์เข้ากับร้านหน้าบ้านผ่านระบบ POS (Point of Sales) เพื่อให้ข้อมูลทั้ง 2 ช่องทางเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะซื้อที่ไหนก็สามารถตรวจสอบสต๊อกและข้อมูลต่างๆ ได้แบบ real-time
- เพิ่มปุ่มสั่งซื้อบนเว็บไซต์อื่นๆ ได้: Shopify ให้ปุ่ม Buy Button ที่สามารถนำไปแปะหรือฝังไว้ในเว็บไซต์อื่นๆ ได้ เพื่อให้คนกดซื้อได้เลยแม้ไม่ได้อยู่ในเว็บ Shopify ก็ตาม ช่วยเพิ่มช่องทางการขายได้มากขึ้น
- ขายผ่านช่องทาง social media และ marketplace: สามารถนำสินค้าจากร้าน Shopify ไปขายบน social media เช่น Facebook, Instagram หรือ marketplace อย่าง Amazon, eBay ได้ด้วย เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
- ทำ content marketing ผ่าน blog และ SEO: มีระบบ blog สำหรับเขียนบทความ content marketing ง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่ง platform อื่น พร้อมเครื่องมือช่วย optimize SEO ด้วย เพื่อให้คนเข้าถึงร้านค้าได้มากขึ้น
- สร้างแคมเปญและดู insight บน dashboard: สร้างอีเมลมาร์เก็ตติ้ง คูปอง โค้ดส่วนลดต่างๆ ผ่าน Shopify ได้เลย มี insight ให้ดูยอดขายและพฤติกรรมลูกค้า ช่วยให้ปรับกลยุทธ์ได้ดีขึ้น
- ระบบการจ่ายเงินและจัดการคลังสินค้าในที่เดียว: รองรับการชำระเงินทุกรูปแบบทั้ง credit card, bank transfer, COD หรือผ่าน payment gateway ชั้นนำต่างๆ พร้อมจัดการและติดตามคลังสินค้าทุกที่ทุกเวลา
Shopify Website ช่วยแก้ปัญหาเรื่องข้อมูลลูกค้ายังไง
หลังจากที่ Apple อัปเดตนโยบายเรื่องความเป็นส่วนตัว (App Tracking Transparency) ทำให้การตลาดแบบเดิมที่พึ่งพา third-party data เช่น Facebook Pixel ทำได้ยากขึ้น เนื่องจากไม่มีข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้ามาให้วิเคราะห์เหมือนแต่ก่อน
การมีเว็บไซต์ขายของเป็นของตัวเองอย่าง Shopify จึงเป็นทางออกหนึ่งในการแก้ปัญหานี้ เพราะเราจะสามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าไว้เอง ไม่ว่าจะเป็นอีเมล พฤติกรรมการซื้อ ไปจนถึงสินค้าที่สนใจ โดยไม่ต้องพึ่งพา platform ภายนอก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมากในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งในเรื่องของการส่งอีเมลหรือข้อความตลาด การแนะนำสินค้าที่น่าสนใจ หรือการให้ส่วนลดพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
การทำเว็บไซต์ขายของบน Shopify เหมาะกับใคร ?
Shopify เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเปิดร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก รายใหญ่ หรือกำลังเริ่มต้น เพราะมีแผน Shopify Plans ที่รองรับตั้งแต่ระดับ Basic สำหรับมือใหม่ไปจนถึงระดับ Advanced และ Enterprise สำหรับธุรกิจที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง
ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าประเภทไหน ขนาดไหน Shopify ก็สามารถตอบโจทย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า physical อย่างเสื้อผ้า ของใช้ เครื่องสำอาง หรือ digital products อย่าง e-book, software และ courses โดยไม่จำกัดจำนวนสินค้าที่จะลงขายได้
Shopify เหมาะกับคนที่ไม่มีความรู้เรื่อง coding หรือการทำเว็บไซต์มาก่อน เพราะมี template สำเร็จรูปให้เลือก รวมถึง app และ feature ในตัวที่ช่วยให้การขายของออนไลน์เป็นเรื่องง่าย หรือใครที่อยากจ้างมืออาชีพมา Shopify Web Design ให้ก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเกินไป
ค่าใช้จ่ายในการทำ Shopify Website เป็นยังไง ?
Shopify มี Shopify Plans ราคาหลายระดับ ขึ้นอยู่กับขนาดและความต้องการของธุรกิจ ตั้งแต่เดือนละ $5 – $399 สำหรับ Shopify Thailand โดยมีฟีเจอร์และลิมิตการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยเริ่มตั้งแต่
- Shopify Lite ($5/เดือน) เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ขายของผ่านโซเชียลมีเดีย มีปุ่ม Buy Button ให้แปะบนเว็บอื่นได้
- Basic Shopify ($29/เดือน) เหมาะสำหรับร้านค้าขนาดเล็กถึงกลาง มีระบบพื้นฐานครเพราะข้อความที่คุณให้มามีความยาวจำกัด ผมจึงสรุปต่อจากข้อความที่ติดค้างไว้ก่อนหน้าดังนี้นะครับ
- Basic Shopify ($29/เดือน) เหมาะสำหรับร้านค้าขนาดเล็กถึงกลาง มีระบบพื้นฐานครบ เช่น แคตตาล็อกสินค้า การจัดส่ง การชำระเงิน
- Shopify ($79/เดือน) เหมาะสำหรับธุรกิจกลางถึงใหญ่ ที่ต้องการฟีเจอร์ครบครันแบบ professional มากกว่า
- Advanced Shopify ($299/เดือน) เป็นแพ็คเกจที่ดีที่สุด มาพร้อมทุกฟีเจอร์ขั้นสูง เหมาะสำหรับองค์กรใหญ่ที่มียอดขายหลายช่องทาง
หากอยากใช้บริการ Shopify แบบฟรี ก็สามารถเริ่มต้นได้ด้วยการทดลองใช้ฟรี 14 วันก่อน โดยไม่ต้องใส่บัตรเครดิต แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วหากอยากใช้งานระยะยาว ก็จำเป็นต้องเลือกแพ็คเกจและจ่าย Shopify ราคาตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้เว็บไซต์ของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ข้อดีของการทำเว็บไซต์ด้วย Shopify
- ง่ายต่อการใช้งาน ไม่ต้องมีความรู้ด้าน Coding เป็นพิเศษ
- ประหยัดเวลา สามารถสร้างเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วด้วย Template สำเร็จรูป
- มีระบบครบวงจรในที่เดียว ไม่ต้องเสียเวลาต่อ App หรือบริการจากภายนอกเพิ่ม
- ขยายขนาดธุรกิจได้ง่าย มีฟีเจอร์ตอบโจทย์ทุกขนาดตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่
- ข้อมูลของร้านค้าและลูกค้าเป็นของเราเอง ไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มอื่น
- มีการอัปเดตและปรับปรุงระบบอยู่ตลอด เพื่อให้เหมาะกับการค้าออนไลน์ในอนาคต
- ปรับแต่งเว็บได้อย่างหลากหลาย ทั้ง Webshop Shopify ทั่วไป หรือจะ Shopify Web Design ให้แตกต่างก็ทำได้
ทำไมถึงต้องทำ Shopify Website ในยุคนี้ ?
ด้วยกระแส Data Privacy ที่มาแรงในปัจจุบัน การพึ่งพา platform ภายนอกหรือ social media ในการทำการตลาดกลายเป็นเรื่องยากขึ้น เพราะไม่มีข้อมูลลูกค้ามาให้วิเคราะห์เหมือนเดิม การมีเว็บขายของเป็นของตัวเอง Shopify ในไทย จึงเป็นทางออกสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างฐานข้อมูลลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล เบอร์โทร ที่อยู่ ไปจนถึงประวัติการซื้อ พร้อมนำไปต่อยอดทางการตลาดได้แบบไม่มีข้อจำกัด
บทสรุป
การเป็นเจ้าของเว็บไซต์จะทำให้เรามีความยืดหยุ่นทางธุรกิจมากขึ้น สามารถขยับขยายหรือเพิ่มช่องทางการขายได้ตามสะดวก เช่น เปิดทั้งร้านค้าออฟไลน์ควบคู่ไปกับเว็บออนไลน์ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยมี Shopify คอยจัดการระบบหลังบ้านให้อยู่หมด ทั้งเรื่องจัดการสต๊อก ส่งของ ไปจนถึงชำระเงิน ก็เพื่อให้ผู้ประกอบการอย่างเราๆ สามารถทำธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องเทคนิคให้ปวดหัว
อีกเรื่องสำคัญคือ การมีเว็บไซต์จะช่วยให้เราสร้างแบรนด์และอิมเมจของธุรกิจได้มากกว่าแค่เพจหรือโปรไฟล์ทั่วไป ด้วยการ ออกแบบเว็บ Shopify ที่ตรงกับ Branding และนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจและไว้วางใจมากขึ้น สามารถช่วยผลักดันให้ยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ไม่ใช่แค่เป็นการขายเฉพาะหน้าเท่านั้น
คำถามที่พบบ่อย
Shopify ทําธุรกิจอะไร ?
Shopify คือ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ โดยมีบริการตั้งแต่การสร้างหน้าเว็บร้านค้าด้วย template ที่หลากหลาย พร้อมระบบจัดการต่างๆ เช่น คลังสินค้า รายการสั่งซื้อ การจัดส่ง การรับชำระเงิน รวมถึงการทำการตลาดและวิเคราะห์ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการออนไลน์สามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมีความรู้ทางด้าน coding เป็นพิเศษ
เว็บ shopify คืออะไร ?
เว็บ Shopify คือเว็บไซต์ที่ใช้แพลตฟอร์มของ Shopify ในการสร้างเว็บร้านค้าขายสินค้าออนไลน์ มีลักษณะเป็น Webshop หรือร้านค้าออนไลน์ที่เราสามารถเลือกทำเองตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเทมเพลตสำเร็จรูป หรือการดีไซน์เว็บเฉพาะโดยทีมงานมืออาชีพ ก็จะได้เว็บไซต์ Shopify ที่มีความสวยงาม ใช้งานง่าย รองรับการขายสินค้าหลากหลายและมีระบบที่ครบวงจรในการบริหารจัดการเว็บ
Shopify ฟรีไหม ?
Shopify มีแผน Free Trial ให้ใช้งานฟรีในช่วง 14 วันแรก เพื่อทดลองสร้างเว็บไซต์และใช้ฟีเจอร์ต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากอยากใช้งานต่อเนื่องหลังจากนั้น จำเป็นต้องสมัครแผน Shopify ตามราคาที่กำหนด ซึ่งเริ่มต้นที่ $29 ต่อเดือนสำหรับ Basic Plan ไปจนถึง $299 ต่อเดือนสำหรับ Advanced Plan ที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน โดยการเลือกราคาจะขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจและขนาดของเว็บไซต์ด้วยครับ