CTA คืออะไร? เทคนิคการสร้าง Call to Action กระตุ้นยอดขายสำหรับธุรกิจ

CTA คือ

ในตลาดออนไลน์การทำให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อหรือดำเนินการตามที่เราต้องการไม่ใช่เรื่องง่าย แค่การส่งข้อความไปถึงกลุ่มเป้าหมายอาจทำได้ไม่ยาก แต่การทำให้พวกเขาลงมือทำอย่างที่เราหวังนั้นยากกว่ามาก ซึ่งเทคนิคหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจคือการใช้ CTA คือ หรือ Call to Action นั่นเอง มาทำความรู้จักและเรียนรู้ วิธีสร้างปุ่ม Call to Action ที่มีประสิทธิภาพไปด้วยกันกับ CIPHER พร้อมบริการออกแบบเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ

Table of Contents

CTA คืออะไร?

CTA คือ

CTA หรือ Call to Action คือ คำกระตุ้นการตัดสินใจหรือคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ใช้ในแคมเปญการตลาด เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือผู้ติดตามดำเนินการตามที่เราต้องการ โดยมักอยู่ในรูปแบบของข้อความสั้น ๆ ปุ่มคลิก ภาพกราฟิก หรือลิงก์ที่นำไปสู่การกระทำนั้น ๆ

Call to Action คือ วิธีการที่ปรากฏในรูปแบบประโยคสั้น ๆ ที่กระชับและตรงประเด็น เช่น “ซื้อเลย” “สมัครสมาชิกวันนี้” หรือ “ดาวน์โหลดฟรี” ซึ่ง Marketing CTA ที่มีประสิทธิภาพจะสามารถเพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rate) ได้มากกว่า 120% เลยทีเดียว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำทางผู้ใช้จากการเป็นเพียงผู้เยี่ยมชมไปสู่การเป็นลูกค้าในที่สุด

ทำไมต้องใช้ CTA?

คุณอาจสงสัยว่า ทำไม ปุ่ม Call to Action ถึงมีความสำคัญกับธุรกิจออนไลน์มากขนาดนี้? โดยเหตุผลสำคัญที่คุณควรให้ความสำคัญกับการใช้ Marketing CTA ในการทำตลาดออนไลน์ คือ

  • ช่วยขจัดความสับสนในการตัดสินใจ – ด้วยข้อความที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา CTA จะช่วยบอกลูกค้าว่าต้องทำอะไรต่อไปและต้องไปที่ไหน ทำให้การเดินทางของผู้ใช้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
  • เพิ่มจำนวนผู้ชมและยอดขาย – Call to Action ที่ออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยนำทางผู้เข้าชมให้กลายเป็นผู้ติดตามและลูกค้าได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดตามโซเชียลมีเดีย การลงทะเบียน หรือการซื้อสินค้า
  • ทำให้เนื้อหามีความหมายมากขึ้น – เมื่อแนบ Action Calls กับเนื้อหาทุกชิ้น คุณจะมั่นใจได้ว่าเนื้อหานั้นเหมาะสมกับกลยุทธ์การตลาดโดยรวม และช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
  • กระตุ้นช่องทางการขาย – Call to Action ช่วยนำผู้ใช้ผ่านขั้นตอนต่างๆ ของกระบวนการซื้อ ทำให้พวกเขาเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปในการเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้น
  • ลูกค้าต้องการ CTA – ผู้ใช้มักพึ่งพา CTA เพื่อทราบว่าควรทำอะไรต่อไป การไม่มี CTA อาจทำให้ผู้ใช้สับสนและอาจส่งผลเสียต่ออัตราการแปลงของคุณ
  • ส่งเสริมความสำเร็จของการโฆษณาดิจิทัล – Marketing CTA ที่แข็งแกร่งและสร้างแรงบันดาลใจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา PPC หรือรูปแบบอื่น ๆ ของการโฆษณาดิจิทัล

CTA ที่ดีประกอบด้วยอะไรบ้าง?

CTA คือ

การออกแบบเว็บไซต์หรือโฆษณาต่าง ๆ จำเป็นต้องมีการออกแบบ CTA เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดย CTA ที่ดีควรมีองค์ประกอบดังนี้

Simple - เน้นความเรียบง่าย

ความเรียบง่ายคือกุญแจสำคัญของ CTA คือ ที่มีประสิทธิภาพ ในยุคที่ผู้คนต้องการความเร็วและข้อมูลที่เข้าใจง่าย เราจำเป็นต้องย่อยข้อมูลให้กระชับและเข้าใจได้ทันที ไม่ใช่ว่าเมื่อลูกค้าสนใจใน Action Calls แล้วคลิกเข้าไปจะพบกับรายละเอียดมหาศาลที่ต้องอ่านจนหมด การใช้ Bullet points, Infographic หรือการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่ายจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสาระสำคัญได้อย่างรวดเร็ว CTA ที่ดีต้องสื่อสารได้ชัดเจนว่าผู้ใช้จะได้อะไรเมื่อคลิกปุ่มนั้น

Quantity - จำกัดจำนวน

แม้ CTA จะมีประโยชน์อย่างมาก แต่การใช้มากเกินไปอาจส่งผลเสียได้ การมีปุ่ม Call to Action มากเกินไปในหน้าเดียวกันจะทำให้ผู้ใช้สับสนและไม่รู้ว่าควรคลิกตรงไหนก่อน ผลลัพธ์คือพวกเขาอาจไม่คลิกอะไรเลย! ควรจำกัดจำนวนปุ่ม CTA ให้เหลือเพียง 1-2 ปุ่มต่อหน้าเว็บไซต์ และหากจำเป็นต้องมีมากกว่านั้นจริง ๆ ควรจัดวางให้เหมาะสมโดยไม่ให้ปุ่มเหล่านั้นอยู่ชิดกันจนเกินไป การมี CTA หลักที่โดดเด่นและ CTA รองที่มีความสำคัญน้อยกว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

Image - เน้นการใช้ภาพ

ความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธคือมนุษย์เรารับรู้ภาพได้ดีกว่าตัวอักษร ดังนั้น ปุ่ม Call to Action ไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงข้อความเสมอไป การใช้รูปภาพหรือไอคอนที่สื่อความหมายเกี่ยวกับการกระทำนั้น ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก เช่น การใช้รูปตะกร้าสำหรับปุ่ม “ซื้อสินค้า” ที่เราคุ้นเคยกันดีในเว็บ E-Commerce ภาพเหล่านี้สามารถสื่อสารได้รวดเร็วกว่าข้อความและช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจวัตถุประสงค์ของ วิธีสร้างปุ่ม Call to Action ได้ทันที การผสมผสานระหว่างข้อความและภาพที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CTA ได้อย่างมาก

Contrast - มีความแตกต่าง

หากต้องการให้ CTA โดดเด่นและดึงดูดสายตา การสร้างความแตกต่างคือสิ่งสำคัญ การเลือกใช้สีที่ตัดกับสีพื้นหลังของเว็บไซต์จะช่วยให้ปุ่ม CTA คือ สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาผู้ใช้ เว็บไซต์ส่วนใหญ่มักมี Mood & Tone เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นการใช้สีที่แตกต่างหรือตัดกันสำหรับปุ่ม Call to Action จะช่วยให้มันโดดเด่นออกมา นอกจากสีแล้ว การใช้เส้นขอบ การเพิ่มเงา หรือการใช้สัญลักษณ์ลูกศรชี้ไปที่ปุ่มก็เป็น วิธีสร้างปุ่ม Call to Action ที่จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นได้เช่นกัน จุดสำคัญคือการทำให้ผู้ใช้มองเห็นและรู้ทันทีว่านี่คือปุ่มที่พวกเขาควรคลิก

วิธีสร้าง CTA ที่มีประสิทธิภาพ

การสร้าง CTA หากมีการทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ก็จะช่วยนำไปสู่การคลิกมากขึ้น โดยมีวิธีการสร้าง CTA ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นดังนี้

1. กำหนดวัตถุประสงค์

ก่อนที่จะเริ่มสร้าง CTA คุณต้องเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร คุณต้องการให้ผู้ใช้ทำอะไร? เพิ่มยอดขาย? สร้างลีด? เพิ่มการมีส่วนร่วม? หรือเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม? CTA สำหรับแต่ละวัตถุประสงค์จะแตกต่างกัน เช่น Call to Actionสำหรับการสร้างลีด อาจเป็น “ดาวน์โหลดเอกสารฟรี” ในขณะที่ CTA สำหรับการเพิ่มยอดขายอาจเป็น “ซื้อเลย” การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือกใช้คำและออกแบบ Marketing CTA ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่าลืมว่า CTA ควรเป็นการกระทำที่ง่าย มีขั้นตอนไม่มาก และชัดเจนสำหรับผู้ใช้

2. เลือกกลุ่มเป้าหมาย

พฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มย่อมแตกต่างกัน การสร้าง CTA ที่มีประสิทธิภาพจึงต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ คุณต้องเข้าใจว่าลูกค้าของคุณคือใคร มี Pain Point อะไร และอะไรที่จะจูงใจให้พวกเขาตัดสินใจ นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็มีความแตกต่างกัน การมีส่วนร่วมกับแบรนด์บนสมาร์ตโฟนอาจแตกต่างจากบนเดสก์ท็อป ดังนั้น Action Calls ของคุณควรได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละช่องทางและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้คุณสร้าง Marketing CTA ที่ตรงใจและกระตุ้นให้เกิดการคลิกได้มากขึ้น

3. การเลือกใช้ข้อความ

คำที่คุณเลือกใช้ใน Call to Action มีความสำคัญอย่างมาก โดยมีเคล็ดลับในการเลือกคำที่มีประสิทธิภาพดังนี้

  • ใช้คำที่ชัดเจนและตรงประเด็น – หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะหรือคำที่ซับซ้อน เลือกใช้คำที่ผู้ใช้เข้าใจได้ทันที
  • ใช้คำกริยาที่เน้นการกระทำ – คำเช่น “ซื้อ” “สมัคร” “ดาวน์โหลด” หรือ “แชร์” จะกระตุ้นให้ผู้ใช้ตอบสนองได้ดีกว่า
  • สร้างความรู้สึกเร่งด่วน – ใช้วลีเช่น “วันนี้เท่านั้น” “จำนวนจำกัด” หรือ “โอกาสสุดท้าย” เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รีบตัดสินใจ
  • ใช้คำที่เป็นกันเอง – การใช้สรรพนามเช่น “คุณ” และ “เรา” จะช่วยสร้างความเป็นกันเองและทำให้ข้อความดูเป็นมนุษย์มากขึ้น
  • ทำให้สั้นและกระชับ – CTA ที่ดีควรสื่อสารได้ชัดเจนด้วยคำน้อยที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็น

การเลือกคำที่เหมาะสมจะช่วยให้ CTA ของคุณมีพลังและกระตุ้นให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

4. ออกแบบ CTA ที่ดึงดูดความสนใจ

การออกแบบเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ ปุ่ม Call to Action ของคุณโดดเด่นและดึงดูดความสนใจ สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการออกแบบ CTA ได้แก่

  • เลือกใช้สีที่โดดเด่น – ใช้สีที่ตัดกับพื้นหลังและสอดคล้องกับ Brand Identity ของคุณ
  • ออกแบบให้ดูคลิกได้ – ทำให้ CTA มีลักษณะเป็นปุ่ม มีเส้นขอบชัดเจน หรือมีเงาเพื่อให้ดูมีมิติและน่าคลิก
  • ใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย – เลือกใช้ฟอนต์ที่มีความชัดเจนและอ่านง่าย หลีกเลี่ยงฟอนต์ที่มีความซับซ้อนหรืออ่านยาก
  • เพิ่มพื้นที่ว่าง – ล้อมรอบ CTA ด้วยพื้นที่ว่างเพื่อให้โดดเด่นและไม่แออัดกับองค์ประกอบอื่น ๆ
  • ทดสอบขนาด – ทดสอบขนาดต่าง ๆ ของปุ่ม CTA เพื่อหาขนาดที่เหมาะสมที่สุด ไม่เล็กเกินไปจนมองไม่เห็น และไม่ใหญ่เกินไปจนดูรบกวนสายตา

การออกแบบ CTA ที่ดึงดูดความสนใจและน่าคลิกจะช่วยเพิ่มอัตราการแปลงและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ

5. พิจารณาตำแหน่งการวาง CTA ที่เหมาะสม

ตำแหน่งของ CTA มีผลต่อประสิทธิภาพอย่างมาก ต้องคำนึงถึงเส้นทางธรรมชาติของผู้ใช้บนหน้าเว็บ บางคนอาจต้องการซื้อหรือสมัครทันทีหลังจากเห็นข้อมูลเบื้องต้น ในขณะที่บางคนอาจต้องการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ

ตำแหน่งที่นิยมสำหรับวาง CTA คือ:

  • Above the fold – วาง CTA ในส่วนที่ผู้ใช้เห็นทันทีโดยไม่ต้องเลื่อนหน้าลง เหมาะสำหรับสินค้าหรือบริการที่ไม่ซับซ้อนและผู้ใช้รู้จักดีอยู่แล้ว
  • Below the fold – วาง CTA หลังจากที่ผู้ใช้ได้อ่านข้อมูลหรือคุณสมบัติของสินค้า เหมาะสำหรับสินค้าหรือบริการที่ซับซ้อนและต้องการการอธิบายเพิ่มเติม
  • ท้ายหน้า – วาง CTA ที่ท้ายหน้าเพื่อให้ผู้ใช้ได้อ่านข้อมูลทั้งหมดก่อนตัดสินใจ
  • Multiple CTAs – วาง CTA หลายจุดบนหน้าเว็บเพื่อให้ผู้ใช้สามารถคลิกได้ทุกเมื่อที่พร้อม แต่ต้องระวังไม่ให้มากเกินไป

การทดสอบตำแหน่งต่าง ๆ และดูว่าตำแหน่งไหนให้ผลลัพธ์ดีที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะพฤติกรรมของผู้ใช้อาจแตกต่างกันไปตามประเภทของธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย

6. เสนอสิ่งจูงใจ

การให้เหตุผลที่ดีว่าทำไมผู้ใช้ควรคลิก CTA ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ลูกค้าต้องการรู้ว่าพวกเขาจะได้อะไรเมื่อดำเนินการตามที่คุณขอ สิ่งจูงใจอาจเป็นได้หลายรูปแบบ เช่น

  • ส่วนลด – เสนอส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่คลิก CTA
  • ของแถม – เสนอของแถมหรือสินค้าฟรีเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ
  • เนื้อหาพรีเมียม – เสนอเนื้อหาพิเศษที่มีคุณค่าสำหรับผู้ที่สมัครสมาชิก
  • ทดลองฟรี – เสนอระยะเวลาทดลองใช้ฟรีสำหรับบริการของคุณ
  • การรับประกัน – เสนอการรับประกันเงินคืนหรือการรับประกันความพึงพอใจ

การเสนอสิ่งจูงใจที่มีคุณค่าและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มโอกาสในการคลิก CTA และนำไปสู่การแปลงเป็นลูกค้าในที่สุด อย่าลืมว่าสิ่งจูงใจควรมีความชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ใช้เห็นคุณค่าทันที

บริการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์สำหรับธุรกิจออนไลน์จาก CIPHER

บริษัท ไซเฟอร์ จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์พร้อม CTA คือ องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย เรานำเสนอบริการครบวงจร:

  • เว็บไซต์ที่มี CTA ประสิทธิภาพสูง – ออกแบบและพัฒนา ปุ่ม Call to Action ที่โดดเด่น กระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ประสบการณ์กับแบรนด์ชั้นนำ – มีผลงานพัฒนาเว็บไซต์และระบบ E-Commerce ให้กับแบรนด์ระดับประเทศมากมาย
  • การวางแผนกลยุทธ์ Marketing CTA – วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและวางแผนกลยุทธ์การใช้ Call to Action ที่เหมาะสม
  • ออกแบบ UX/UI ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ – สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีและง่ายต่อการใช้งาน เน้น Action Calls ที่เห็นได้ชัด
  • ระบบความปลอดภัยสูง – พัฒนาระบบที่มีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะระบบการชำระเงินสำหรับธุรกิจ E-Commerce
  • ให้คำปรึกษาด้าน วิธีสร้างปุ่ม Call to Action – แนะนำเทคนิคและวิธีการสร้าง CTA ที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มอัตราการแปลง
  • การวิเคราะห์และปรับปรุง – ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของ CTA พร้อมบริการการทำ SEO แบบครบวงจรอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

CIPHER พร้อมช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตในโลกออนไลน์ด้วยเว็บไซต์ที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังสามารถกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

CTA คือ เครื่องมือสำคัญในการเพิ่มอัตราการแปลงและกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า Call to Action ที่มีประสิทธิภาพควรมีความเรียบง่าย จำนวนที่เหมาะสม ใช้ภาพที่น่าสนใจ และมีความโดดเด่น โดยการสร้าง Marketing CTA ที่ดีเริ่มจากการกำหนดวัตถุประสงค์ชัดเจน เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ถูกต้อง ใช้ข้อความที่ทรงพลัง ออกแบบให้น่าคลิก วางตำแหน่งอย่างเหมาะสม และเสนอสิ่งจูงใจที่น่าสนใจ

ปุ่ม Call to Action ไม่ใช่แค่ปุ่มธรรมดา แต่เป็นตัวช่วยนำทางลูกค้าตลอดเส้นทางการซื้อ การทดสอบและปรับปรุง CTA อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดออนไลน์และกระตุ้นยอดขายให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน

คำถามที่พบบ่อย

CTA (Call to Action) คืออะไร?

CTA คือ คำกระตุ้นการตัดสินใจที่ออกแบบมาเพื่อนำพาผู้ใช้ให้ดำเนินการบางอย่าง ในขณะที่ลิงก์ธรรมดาเป็นเพียงเส้นทางไปยังหน้าอื่น ปุ่ม Call to Action มีการออกแบบที่โดดเด่น มีข้อความที่กระตุ้นให้เกิดการกระทำ และมักมีสีสันที่ตัดกับสีพื้นหลังเพื่อดึงดูดความสนใจ

ควรทดสอบประสิทธิภาพของ CTA บ่อยแค่ไหน?

การทดสอบประสิทธิภาพของ CTA ควรทำอย่างน้อยทุก 3-6 เดือน หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในเว็บไซต์หรือแคมเปญการตลาด การทดสอบ A/B เป็น วิธีสร้างปุ่ม Call to Action ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทดลองใช้สี ข้อความ ขนาด หรือตำแหน่งที่แตกต่างกัน แล้วเก็บข้อมูลว่ารูปแบบไหนให้อัตราการคลิกสูงที่สุด ไม่ควรปล่อยให้ CTA กลายเป็นองค์ประกอบที่ถูกลืมไปบนเว็บไซต์ การปรับปรุงและทดสอบอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปรับให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

สีอะไรที่ทำงานได้ดีที่สุดสำหรับปุ่ม CTA?

ไม่มีสีที่ “ดีที่สุด” สำหรับ Action Calls เพราะประสิทธิภาพของสีขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสีพื้นหลัง ลักษณะแบรนด์ และกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม มีหลักการเบื้องต้นคือ สีของ ปุ่ม Call to Action ควรตัดกับสีพื้นหลังอย่างชัดเจน โดยทั่วไปสีเขียว สีส้ม และสีน้ำเงินมักทำงานได้ดี สีเขียวสื่อถึงการดำเนินการในเชิงบวก สีส้มดึงดูดสายตา และสีน้ำเงินสร้างความน่าเชื่อถือ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือสีควรสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของแบรนด์และสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนจากพื้นหลัง

จำนวน CTA ที่เหมาะสมต่อหนึ่งหน้าเว็บไซต์ คือเท่าไร?

จำนวน CTA ที่เหมาะสมต่อหนึ่งหน้าเว็บไซต์ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและความยาวของเนื้อหา โดยทั่วไปแล้ว 1-2 Marketing CTA ต่อหนึ่งหน้าเว็บสั้น ๆ ถือว่าเพียงพอ แต่สำหรับหน้าที่มีเนื้อหายาวอาจใช้ 3-5 ปุ่ม โดยกระจายตามจุดต่าง ๆ เช่น ด้านบนหน้า หลังเนื้อหาสำคัญ และท้ายหน้า หลักการสำคัญคือ ควรมี Call to Action หลักเพียงหนึ่งเดียวที่โดดเด่นที่สุด และอาจมี CTA รองที่มีความสำคัญน้อยกว่า การมีมากเกินไปจะทำให้ผู้ใช้สับสนและลังเลในการตัดสินใจ ซึ่งส่งผลเสียต่ออัตราการแปลงในที่สุด
Shopping Cart
Scroll to Top