Table of Contents
Business Model Canvas คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญต่อการวางแผนธุรกิจ?
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้ที่กำลังวางแผนธุรกิจใหม่ ๆ คุณอาจเคยได้ยินคำว่า “Business Model Canvas” แต่รู้หรือไม่ว่ามันมีความสำคัญอย่างไร? Business Model Canvas คือ เครื่องมือที่ช่วยให้การออกแบบและวางแผนธุรกิจเป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยการแบ่งธุรกิจออกเป็น 9 องค์ประกอบที่สำคัญ ที่จะช่วยทำให้คุณสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจและจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเข้าใจและใช้ Business Model Canvas อย่างถูกต้องสามารถทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เช่น การใช้ Email Marketing หรือ SEO ที่ต้องการกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีการวางแผนอย่างละเอียด BMC จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าและสร้างกลยุทธ์ที่การตลาดที่ได้ผลอย่างคุ้มค่าที่สุด! แล้ว Business Model Canvas มีอะไรบ้าง? บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ
Business Model Canvas คืออะไร?
BMC หรือ Business Model Canvas คือ แนวคิดหรือโมเดล ที่ช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ โดยการแสดงภาพรวมของธุรกิจ เพื่อช่วยให้ธุรกิจ สามารถตอบคำถามสำคัญในการวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตลาดและลูกค้า ซึ่งประกอบไปด้วย ลูกค้า (WHO), ข้อเสนอสำหรับลูกค้า (WHAT), เครื่องมือหรือปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ (HOW) และ ความคุ้มค่าของธุรกิจ (MONEY)
การใช้ Business Model Canvas คือ ตัวช่วยสำคัญ ที่ให้ผู้ประกอบการหรือทีมงาน สามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย ช่วยระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจ พร้อมทั้งระบุโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต โดยไม่จำเป็นต้องเขียนแผนธุรกิจยาว ๆ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่
ทำไมโมเดลนี้ถึงใช้คำว่า Canvas?
Business Model Canvas คือ โมเดลธุรกิจ โดยคำว่า “Canvas” ในที่นี้หมายถึง “ผืนผ้าใบ” ซึ่งสื่อถึงการที่ผู้ประกอบการสามารถสร้างสรรค์หรือวางแผนโมเดลธุรกิจได้เหมือนการวาดภาพบนผืนผ้าใบ โดยไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างที่ซับซ้อน ทำให้สามารถออกแบบและปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ คำว่า “Canvas” ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของโมเดลในการช่วยผู้ประกอบการมองเห็นภาพรวมขององค์ประกอบธุรกิจที่สำคัญ และสามารถเชื่อมโยงแต่ละส่วนเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้การวางแผนธุรกิจระยะยาวมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
องค์ประกอบสำคัญ Business Model Canvas มีอะไรบ้าง?
กลุ่มลูกค้า (Customer Segments)
กลุ่มลูกค้า หรือ Customer Segments (CS) คือ แบ่งลูกค้าตามประเภท เช่น อายุ ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมการซื้อ หรือแบ่งตามความสนใจเฉพาะด้าน ซึ่งการระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม และผลิตสินค้าหรือบริการ ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships)
ความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ Customer Relationships (CR) คือ การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการลูกค้าแบบตัวต่อตัว การสื่อสารผ่านอีเมล การใช้โปรแกรมสมาชิกเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ ตลอดจนบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าในระยะยาว
ช่องทางการจำหน่าย (Channels)
ทางการจำหน่าย หรือ Channels (CH) หมายถึง เส้นทางหรือวิธีการ ที่ธุรกิจใช้นำเสนอสินค้าและบริการไปถึงมือลูกค้า โดยสามารถแบ่งเป็นช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชันมือถือ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Amazon หรือ eBay และช่องทางออฟไลน์อย่างร้านค้าปลีก ซึ่งการเลือกใช้ช่องทางที่เหมาะสม จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
คุณค่าเสนอให้กับลูกค้า (Value Propositions)
คุณค่าเสนอให้กับลูกค้า หรือ Value Propositions (VP) คือ องค์ประกอบสำคัญที่ธุรกิจนำเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น สินค้าที่มีคุณภาพสูง การตั้งราคาที่คุ้มค่า หรือการให้บริการที่รวดเร็วและเป็นมิตร ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แต่ยังสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจโดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาดอีกด้วย
กิจกรรมหลัก (Key Activities)
กิจกรรมหลัก หรือ Key Activities (KA) เป็นองค์ประกอบสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนการปฏิบัติงานที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้า การทำการตลาด หรือการจัดการโลจิสติกส์ รวมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ลูกค้าต้องเจอ
โดยแต่ละกิจกรรมต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและประสานงานกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจ สามารถส่งมอบสินค้าและบริการ ที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของลูกค้าได้นั่นเอง
ทรัพยากรหลัก (Key Resource)
ทรัพยากรหลัก หรือ Key Resources (KR) คือ ทรัพยากรที่ธุรกิจต้องมี เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยครอบคลุมทั้ง บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต ตลอดจนแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ซึ่งการมีทรัพยากรที่เพียงพอและเหมาะสม จะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ
พันธมิตรหลัก (Key Partners)
พันธมิตรหลัก หรือ Key Partners (KS) คือ บุคคลหรือองค์กรที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจในการดำเนินการให้สำเร็จไม่ว่าจะเป็น ซัพพลายเออร์ ตัวแทนจำหน่าย หรือพันธมิตรที่ช่วยในด้านต่าง ๆ เช่น การขนส่งหรือการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งความร่วมมือกับพันธมิตรเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ แต่ยังช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
แหล่งรายได้ (Revenue Streams)
แหล่งรายได้ หรือ Revenue Streams (RS) คือ ช่องทางที่ธุรกิจได้รับรายได้หรือสร้างรายได้จากลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น การขายสินค้า การให้บริการ การให้คำปรึกษา หรือการสมัครสมาชิก โดยธุรกิจจำเป็นต้องบริหารจัดการแหล่งรายได้เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงและการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
โครงสร้างต้นทุน (Cost Structure)
โครงสร้างต้นทุน หรือ Cost Structure หมายถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกระบวนการทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการผลิตสินค้า ค่าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและโฆษณาออนไลน์ด้วย Online Advertising ตลอดจนค่าบริการอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการทำกำไรและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
ทำไมทุกธุรกิจควรทำ Business Model Canvas?
Business Model Canvas คือ โมเดลธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวางแผนธุรกิจและพัฒนาสินค้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นภาพรวมของโมเดลธุรกิจได้อย่างชัดเจน และง่ายต่อการนำไปใช้ซ้ำ ทำให้ทีมสามารถระดมความคิดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง ประโยชน์ของ Business Model Canvas ในการนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ ดังนี้
ช่วยกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจอย่างชัดเจน
ช่วยระบุความต้องการและทรัพยากรสำคัญ
เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
เครื่องมือนี้ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจให้กับผู้บริหารและทีมงาน ด้วยการนำเสนอภาพรวมธุรกิจในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน พร้อมทั้งวิเคราะห์องค์ประกอบสำคัญอย่างละเอียด ทั้งด้านช่องทางการขาย การนำเสนอคุณค่า และการบริหารต้นทุน ส่งผลให้การตัดสินใจมีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงที เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกองค์กร หรือใช้ร่วมกับแนวคิด SWOT Analysis เพื่อใช้ในการพิจารณาปัจจัยภายในและภายนอกขององค์กร
ช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงได้
สร้างโอกาสในการเติบโต
Business Model Canvas ต่างจาก Business Plan อย่างไร?
- วัตถุประสงค์และการใช้งาน: Business Model Canvas เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของโมเดลธุรกิจผ่านองค์ประกอบสำคัญ 9 ส่วน เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจหรือปรับปรุงโมเดลธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ Business Plan เป็นแผนธุรกิจที่มีรายละเอียดครอบคลุมทุกด้าน มักใช้สำหรับการขอสินเชื่อหรือระดมทุน
- ความยืดหยุ่นและระยะเวลา: Business Model Canvas มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายและรวดเร็ว ใช้เวลาในการจัดทำน้อย เหมาะกับการทดลองแนวคิดธุรกิจใหม่ ๆ ส่วน Business Plan ต้องใช้เวลาในการจัดทำมากกว่า เนื่องจากต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด และมักใช้สำหรับการวางแผนระยะยาว
- รายละเอียดและเนื้อหา: Business Model Canvas นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่กระชับ เน้นองค์ประกอบหลักของธุรกิจ เช่น กลุ่มลูกค้า คุณค่าที่นำเสนอ และรายได้ ในขณะที่ Business Plan มีรายละเอียดครบถ้วนทุกด้าน ทั้งการวิเคราะห์ตลาด แผนการเงิน แผนการตลาด และการดำเนินงาน
- กลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งาน: Business Model Canvas เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการทดสอบแนวคิดธุรกิจหรือปรับปรุงโมเดลธุรกิจอย่างรวดเร็ว ส่วน Business Plan เหมาะสำหรับการนำเสนอต่อนักลงทุน สถาบันการเงิน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ต้องการเห็นแผนธุรกิจที่ละเอียดและมีการคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคต
ตัวอย่าง Business Model Canvas จากธุรกิจจริง ๆ
กรณีศึกษา: การวิเคราะห์ Business Model Canvas ของ Starbucks
- กลุ่มลูกค้า (Customer Segments): Starbucks เน้นการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยครอบคลุมตั้งแต่ลูกค้าทั่วไปที่ชื่นชอบกาแฟและเครื่องดื่มคุณภาพสูง ไปจนถึงกลุ่มนักศึกษาและคนทำงาน
- ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships): การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ดำเนินการผ่านหลายช่องทาง โดยมี Starbucks Rewards เป็นเครื่องมือหลัก ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถสะสมคะแนนและรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการสั่งซื้อ รวมถึงการให้บริการผ่านโซเชียลมีเดียที่ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า
- ช่องทางการจำหน่าย (Channels): ช่องทางการจำหน่าย ประกอบด้วยเครือข่ายร้านกาแฟที่กระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นจุดขายหลักที่สร้างประสบการณ์ตรงให้กับลูกค้า เสริมด้วยช่องทางดิจิทัลอย่างแอปพลิเคชันมือถือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อและชำระเงิน รวมถึงเว็บไซต์ที่ใช้ในการนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์และโปรโมชันต่าง ๆ
- คุณค่าที่นำเสนอ (Value Propositions): Starbucks นำเสนอคุณค่าที่โดดเด่นผ่านผลิตภัณฑ์กาแฟคุณภาพสูง พร้อมกับการสร้างบรรยากาศร้านที่เหมาะสำหรับการพบปะและทำงาน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการนำเสนอสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น กาแฟออร์แกนิกและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้
- กิจกรรมหลัก (Key Activities): กิจกรรมหลักของ Starbucks ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มคุณภาพสูง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านการวิจัยและพัฒนา ไปจนถึงการทำการตลาด ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดกาแฟระดับโลก
- ทรัพยากรหลัก (Key Resources): ทรัพยากรที่สำคัญของ Starbucks ประกอบด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงโดยเฉพาะเมล็ดกาแฟ เครือข่ายร้านกาแฟจากทั่วโลก และระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยรวมถึงแอปพลิเคชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
- พันธมิตรหลัก (Key Partners): Starbucks สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย ตั้งแต่ผู้ผลิตเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบจากฟาร์มในหลายประเทศ บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ที่ช่วยในการกระจายสินค้า ไปจนถึงพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่ช่วยพัฒนาระบบดิจิทัลและแอปพลิเคชันต่าง ๆ
- แหล่งรายได้ (Revenue Streams): รายได้ของ Starbucks มาจากหลากหลายช่องทาง โดยหลักมาจากการจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหารในร้าน การขายผลิตภัณฑ์เสริมและสินค้าที่ระลึก รวมถึงรายได้จากช่องทางดิจิทัลและโปรแกรมสมาชิก Starbucks Rewards ซึ่งช่วยสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง
- โครงสร้างต้นทุน (Cost Structure): ต้นทุนหลักของ Starbucks ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการจัดหาวัตถุดิบคุณภาพสูง ต้นทุนการดำเนินงานของร้านกาแฟรวมถึงค่าเช่าและค่าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดและสร้างแบรนด์ ตลอดจนการลงทุนในระบบเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ
สรุป
BMC หรือ Business Model Canvas คือ เครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและวิเคราะห์องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนั้น ๆ สำเร็จ การใช้ BMC ทำให้ธุรกิจสามารถเห็นภาพรวมของโมเดลธุรกิจในเชิงโครงสร้างและทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ
หากคุณต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนธุรกิจ การใช้ Social Media Marketing หรือการพัฒนา BMC สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท CIPHER เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณได้ทันที!
สนใจบริการ
คำถามที่พบบ่อย
Business Model Canvas มีอะไรบ้าง?
1. ลูกค้า (Who)
- กลุ่มลูกค้า (Customer Segments): ระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
- ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships): วิธีการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า
- ช่องทางการจำหน่าย (Channels): ช่องทางที่ใช้ในการติดต่อและจำหน่ายสินค้า
2. ข้อเสนอสำหรับลูกค้า (What)
- คุณค่าเสนอให้กับลูกค้า (Value Propositions): สิ่งที่สร้างความแตกต่างและความคุ้มค่าให้กับลูกค้า
3. เครื่องมือหรือปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ (How)
- กิจกรรมหลัก (Key Activities): กิจกรรมที่จำเป็นในการให้บริการหรือผลิตภัณฑ์
- ทรัพยากรหลัก (Key Resources): ทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ
- พันธมิตรหลัก (Key Partners): ความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างธุรกิจ
4. ความคุ้มค่าของธุรกิจ (MONEY)
- แหล่งรายได้ (Revenue Streams): แหล่งที่มาของรายได้จากกิจกรรมต่าง ๆ
- โครงสร้างต้นทุน (Cost Structure): ต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
ข้อดีของ Business Model Canvas มีอะไรบ้าง?
- เข้าใจง่ายและชัดเจน: แสดงข้อมูลธุรกิจในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและกระชับ
ช่วยวิเคราะห์ธุรกิจได้ดี: ทำให้ธุรกิจเห็นภาพรวมและสามารถวิเคราะห์ส่วนต่าง ๆ ได้ - ประหยัดเวลา: ช่วยให้สามารถวางแผนธุรกิจได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเขียนแผนยาว
- ปรับปรุงและปรับเปลี่ยนได้ง่าย: สามารถเปลี่ยนแปลงหรือปรับกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์
- เหมาะสำหรับการทำงานเป็นทีม: ช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Business Model Canvas หรือ Business Plan แบบไหนดีกว่ากัน?
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนสร้าง Business Model Canvas มีอะไรบ้าง?
- ใครคือ พันธมิตรหลัก (Key Partners) ของธุรกิจ: ระบุพันธมิตรหรือคู่ค้าที่สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างธุรกิจ
- กำหนดเป้าหมาย: กำหนดว่าธุรกิจของคุณจะมุ่งเน้นที่การให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ใด
- ใครคือกลุ่มลูกค้า: กำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือ Segments ที่จะใช้บริการของคุณ
- ค่าใช้จ่าย: คำนึงถึงต้นทุนต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจ
- สิ่งที่ต้องทำก่อนเริ่มธุรกิจ: วางแผนล่วงหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำเพื่อเตรียมธุรกิจให้พร้อม
- เลือกช่อทางในการขาย: ระบุช่องทางการจัดจำหน่ายและการตลาดที่ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงสินค้า/บริการได้