การเปลี่ยนมาใช้ Shopify: ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนใช้งาน

การเปลี่ยนมาใช้ Shopify

Table of Contents

การเปลี่ยนมาใช้ Shopify ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? เชื่อว่าเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่กำลังจะยกระดับธุรกิจ หรือเปลี่ยนแพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องรู้จัก Shopify อย่างแน่นอน ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มนี้ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการใช้งานที่ง่ายและฟีเจอร์ที่ครบถ้วน ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างยอดขายและแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนและข้อควรพิจารณาก่อนการย้ายแพลตฟอร์ม รวมถึงข้อดีที่จะเป็นประโยชน์ในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน

เหตุผลที่ธุรกิจควรเปลี่ยนมาใช้ Shopify

การเปลี่ยนมาใช้ Shopify เหตุผลที่ธุรกิจควรใช้

 

ทำไมธุรกิจถึงถึงควรเปลี่ยนมาใช้ Shopify? สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ มักจะเจอกับปัญหาแพลตฟอร์มที่ใช้งานไม่สามารถตอบโจทย์การทำงานได้ เช่น ปัญหาเว็บไซต์ล่มหรือระบบจัดการสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้สูญเสียโอกาสในการสร้างยอดขาย ทำให้การใช้แพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง โดย Shopify เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจออนไลน์ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างร้านค้าออนไลน์ หรือการจัดการสินค้า 

โดยระบบที่ถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่าย แม้แต่คนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคก็สามารถจัดการได้ พร้อมแอปเสริมที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ อีกทั้งยัง มีการรักษาความปลอดภัยที่ดี และรองรับการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ ทำให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจในระดับสากลได้ 

ขั้นตอนการย้ายไปใช้ Shopify 

การย้ายแพลตฟอร์มธุรกิจจากระบบเก่าไปสู่ Shopify อาจดูเป็นเรื่องซับซ้อน และเป็นปัญหากังวลใจ แต่ถ้าเข้าใจขั้นตอนอย่างถูกต้อง และมีการเตรียมตัวที่ดี ก็จะช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น และนี่คือขั้นตอนอย่างละเอียดที่จะช่วยให้การย้ายแพลตฟอร์มมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขั้นตอนการเปลี่ยนมาใช้ Shopify 

 

1. การประเมินความต้องการของธุรกิจ

ก่อนที่จะย้ายไปใช้ Shopify เจ้าของธุรกิจหรือผู้ใช้งาน ควรเริ่มต้นด้วยการประเมินความต้องการของธุรกิจของตนเอง เช่น มีจำนวนสินค้ามากน้อยแค่ไหน? ระบบปัจจุบันของคุณมีฟีเจอร์อะไรบ้างที่ไม่ต้องการเสียไป? และธุรกิจต้องการฟีเจอร์ใหม่อะไรจาก Shopify? การทำความเข้าใจเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถเลือกแพ็กเกจหรือบริการจาก Shopify Implementation Service ที่ตรงกับธุรกิจของคุณมากที่สุด และช่วยลดการเกิดปัญหาในระหว่างการย้ายแพลตฟอร์ม

2. การเลือกแผน Shopify ที่เหมาะสมกับธุรกิจ

Shopify มีแพ็กเกจหลายระดับ ตั้งแต่การทดลองใช้งานฟรีสำหรับผู้เริ่มต้น ไปจนถึงการใช้งานฟีเจอร์ระดับสูงสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะมีฟีเจอร์และค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน การเลือกแผนขึ้นอยู่กับขนาดและความต้องการของธุรกิจคุณ เช่น ถ้าคุณมีธุรกิจขนาดเล็กอาจเริ่มต้นด้วยการทดลองใช้งานก่อน ว่าแพลตฟอร์มนี้เหมาะกับธุรกิจหรือไม่ แต่ถ้าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ คุณอาจต้องการแผนที่รองรับการใช้งานที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ระบบรายงานขั้นสูง การจัดการสินค้าจำนวนมาก หรือการทำธุรกรรมต่าง ๆ 

3. การเตรียมข้อมูลสำหรับการย้ายแพลตฟอร์ม

การย้ายข้อมูลเป็นขั้นตอนสำคัญในการเปลี่ยนมาใช้ Shopify ผู้ใช้งานต้องเตรียมข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการย้ายจากแพลตฟอร์มเดิม เช่น รายการสินค้า รายชื่อลูกค้า ประวัติการสั่งซื้อ ข้อมูลสินค้าคงคลัง รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ต้องได้รับการจัดระเบียบและอยู่ในรูปแบบที่พร้อมจะนำเข้าไปยัง Shopify

  • การส่งออกข้อมูล: ในกรณีที่คุณใช้แพลตฟอร์มเก่า คุณสามารถใช้เครื่องมือการส่งออก (export) ข้อมูล เช่น รายการสินค้า รายชื่อลูกค้า และข้อมูลการขาย ออกมาในรูปแบบไฟล์ CSV ซึ่ง Shopify รองรับการนำเข้าข้อมูลในรูปแบบนี้
  • การนำเข้าข้อมูล: เมื่อข้อมูลถูกส่งออกมาแล้ว คุณสามารถนำเข้าข้อมูลไปยัง Shopify ผ่านเครื่องมือนำเข้า (Import) ของ Shopify โดยตรง นอกจากนี้ Shopify ยังมีแอปเสริมที่ช่วยในกระบวนการนี้ เช่น Shopify Migration ซึ่งจะช่วยย้ายข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น

4. การตั้งค่าเว็บไซต์และออกแบบร้านค้า

หนึ่งในจุดเด่นของ Shopify นั่นก็คือ การออกแบบหน้าร้านออนไลน์ โดยผู้ใช้ สามารถเลือกธีมสำเร็จรูป ที่ตรงกับลักษณะธุรกิจ ซึ่งจะมีทั้งธีมฟรีและธีมเสียเงิน พร้อมกับระบบปรับแต่งที่ง่ายต่อการใช้งาน และสามารถปรับแต่งทุกส่วนได้อย่างละเอียด เช่น การจัดวางหน้าเว็บ สี โลโก้ และฟอนต์

หากต้องการความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น ธุรกิจขนาดใหญ่สามารถจ้างนักพัฒนาเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการได้ นอกจากนี้ควรตั้งค่าการใช้งานพื้นฐาน เช่น

  • การตั้งค่าภาษาและสกุลเงิน: ปรับแต่งให้รองรับตลาดที่คุณต้องการขาย เช่น หากขายในไทย ควรตั้งค่าเป็นภาษาไทยและใช้สกุลเงินบาท
  • การตั้งค่าระบบชำระเงิน: Shopify รองรับการชำระเงินผ่านระบบที่หลากหลาย เช่น Shopify Payments, บัตรเครดิต, Paypal และการโอนเงิน ซึ่งควรตั้งค่าให้ตรงกับความสะดวกของลูกค้า
  • การตั้งค่าการขนส่ง: กำหนดค่าการขนส่งสำหรับสินค้าของคุณ เช่น ค่าส่งในประเทศ ค่าส่งต่างประเทศ และตัวเลือกการจัดส่งแบบด่วน

5. การทดสอบระบบและประสิทธิภาพการใช้งานแพลตฟอร์ม

ก่อนการเปิดร้านอย่างเป็นทางการ สิ่งสำคัญคือการทดสอบระบบทุกส่วนอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทั้งหมดทำงานได้ตามปกติ หากระบบสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดข้อผิดพลาด ก็จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้นั่นเอง โดยระบบสำคัญที่ควรตรวจสอบ เช่น

  • ทดสอบระบบการสั่งซื้อ: ลองทำการสั่งซื้อสินค้าจริงในร้านค้าเพื่อทดสอบระบบการสั่งซื้อ การชำระเงิน และการแจ้งเตือนลูกค้า
  • ทดสอบระบบการชำระเงิน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบชำระเงินทั้งหมดทำงานอย่างถูกต้องและรองรับทุกช่องทางที่คุณตั้งค่า
  • ทดสอบระบบการขนส่ง: ทำการทดสอบการคำนวณค่าขนส่งให้ถูกต้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • ทดสอบประสิทธิภาพและความเร็วเว็บไซต์: ตรวจสอบว่าเว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์โหลดเร็วพอและไม่เกิดปัญหาเมื่อมีการเข้าชมจำนวนมาก

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนการย้าย

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเปลี่ยนมาใช้ Shopify

 

  • งบประมาณในการย้ายแพลตฟอร์ม: ควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการย้ายข้อมูล การจ้างนักพัฒนา หรือค่าบริการอื่น ๆ ในการใช้งานแพลตฟอร์ม หรือใช้แอปเสริมที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ
  • การย้ายข้อมูลที่ซับซ้อน: ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลเยอะอาจประสบปัญหาในการย้ายข้อมูลและต้องการผู้เชี่ยวชาญมาช่วย
  • การฝึกอบรมพนักงาน: หากทีมงานยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งาน Shopify อาจต้องมีการฝึกอบรมเพื่อให้เข้าใจและใช้ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรมีการอบรมการใช้งาน เพื่อให้พนักงานและผู้ใช้ สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มได้อย่างเต็มที่
  • การรวมระบบกับเครื่องมืออื่น ๆ: ธุรกิจที่ใช้งานเครื่องมือทางการตลาดหรือเครื่องมือจัดการหลังบ้านอื่น ๆ ควรตรวจสอบว่า Shopify สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือเหล่านั้นได้หรือไม่ รวมถึง การปรับแต่งฟังก์ชันพิเศษอื่น ๆ ที่อาจต้องจ้างนักพัฒนา

คำแนะนำและความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ Shopify

สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการย้ายแพลตฟอร์ม E-Commerce หรือต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ Shopify ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาทางเทคนิค จะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นหากมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจระบบเป็นอย่างดี โดย Cipher มีนักพัฒนาหรือที่ปรึกษาทางเทคนิค ที่สามารถช่วยในการย้ายข้อมูล การปรับแต่งระบบ และการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว การมีทีมสนับสนุนที่เชี่ยวชาญจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้ 

การเปลี่ยนมาใช้ Shopify อาจเป็นขั้นตอนที่ท้าทายสำหรับบางธุรกิจ แต่ด้วยการเตรียมตัวที่ดี การเข้าใจขั้นตอนที่ชัดเจน และการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ คุณจะสามารถย้ายแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น

Scroll to Top