Table of Contents
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมการซื้อขายของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การค้าขายแบบดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วยการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์หรือที่เรียกว่า “E-commerce” ซึ่งได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา บทความนี้จะพาทุกท่านมารู้จักกับเครื่องมือ E-Commerce Listener สุดล้ำจาก AI สำหรับการวิเคราะห์เทรนด์สินค้าและคู่แข่ง ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด
E-commerce คืออะไร และทำไมต้องให้ความสำคัญ
E-commerce หรือการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องมีการติดต่อกันโดยตรงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย หรือที่เรียกติดปากกันว่า “การขายของออนไลน์” ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ Marketing Mix ในยุคดิจิทัล
ธุรกิจ E-commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาดจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุผลหลักคือความสะดวกรวดเร็วในการสั่งซื้อ ความสามารถในการเข้าถึงตลาดทั่วโลก และต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ตามรายงานของ Statista ปริมาณการซื้อขายออนไลน์ภายในปี 2023 เพิ่มขึ้นสูงถึง 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ จากปี 2019 ที่มีเพียง 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 8.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2026
ความสำคัญของการวิเคราะห์เทรนด์สินค้าและคู่แข่งใน E-commerce
ในปัจจุบัน การแข่งขันในธุรกิจ E-commerce ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์เทรนด์ตลาดและคู่แข่งเพื่อให้สามารถปรับตัวและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ทันท่วงที E-Commerce Listener คือเครื่องมือที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการนี้
E-Commerce Listener หรือที่อาจเรียกว่า Social Listening Tools สำหรับ E-Commerce เป็นเครื่องมือการตลาดอัจฉริยะที่ช่วยให้นักการตลาดออนไลน์สามารถวางแผนกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Shopee และ Lazada ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่ Revuze ได้อธิบายไว้ โดยอาศัยการวิเคราะห์และประมวลผลผ่าน AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอด สร้างไอเดียใหม่ ๆ และสร้าง Content ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
อาวุธหลักของ E-Commerce Listener
1. Market Analysis
Market Analysis เป็นตัวช่วยวิเคราะห์ Digital Shelf บน Shopee และ Lazada ที่ช่วยค้นพบกลุ่มสินค้าที่มีโอกาสเติบโตจากคีย์เวิร์ดหรือหมวดหมู่ และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการขาย เทรนด์ที่กำลังมาแรง และข้อมูลคู่แข่งในที่เดียว
ฟีเจอร์เด่นของ Market Analysis มีดังนี้:
- ค้นหาผ่านตัวกรอง: ค้นหาด้วยชื่อสินค้า หรือ Keyword หมวดหมู่ แบรนด์ ร้านค้า ราคาสินค้า ช่องทางการขาย หรือเฉพาะ Shopee Mall และ LazMall
- ภาพรวมตลาด: แสดงข้อมูลจำนวนสินค้าและร้านค้าทั้งหมด มูลค่าการขาย จำนวนชิ้นที่ขายได้ ราคาเฉลี่ย และจำนวนรีวิว
- ส่วนแบ่งการตลาด: ดูได้ 2 มิติ ทั้งยอดขายและจำนวนชิ้นที่ขายได้ สำหรับ Top 10 ร้านค้าขายดี หรือ Top แบรนด์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด
- เทรนด์ยอดขาย: แสดงกราฟเทรนด์ยอดขายโดยประมาณในแต่ละช่วงสัปดาห์ที่เลือก เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการขาย
- เทรนด์การตั้งราคา: แสดงกราฟเทรนด์การตั้งราคาขายโดยเฉลี่ยในช่วงสัปดาห์ที่เลือก และสัดส่วนช่วงราคาขายตามจำนวนสินค้าในระบบ
- Top 100 สินค้าขายดี: แสดงข้อมูลสินค้าขายดี พร้อมรูป ชื่อสินค้า ชื่อร้านค้า จำนวนดาว ราคาขาย จำนวนชิ้นที่ขายได้ และยอดขายโดยประมาณ
2. Product Explorer
Product Explorer ช่วยตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับการขายสินค้าบน Shopee และ Lazada เช่น ควรขายสินค้าอะไร? สินค้าไหนกำลังมาแรง? คู่แข่งขายสินค้าอะไรและตั้งราคาเท่าไร? เทรนด์ยอดขายเป็นอย่างไร?
ฟีเจอร์เด่นของ Product Explorer มีดังนี้:
- ข้อมูลสินค้า: แสดงข้อมูลรูปสินค้าในช่วงสัปดาห์ที่เลือก ชื่อสินค้า ชื่อแบรนด์ หมวดหมู่ ราคาขาย ยอดขายและจำนวนชิ้นที่ขายได้โดยประมาณ
- ข้อมูลร้านค้าที่ขาย: แสดงข้อมูลเบื้องต้นของร้านค้า ช่องทางการขาย สถานะ Mall จำนวนผู้ติดตาม ดาวของร้านค้า พร้อมลิงก์ไปยังร้านค้าเพิ่มเติม
- เทรนด์การเติบโต: แสดงกราฟเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของราคาขาย ยอดขาย และจำนวนชิ้นที่ขายได้โดยประมาณในช่วงสัปดาห์ที่เลือก
3. Store Explorer
Store Explorer ช่วยติดตามร้านค้าคู่แข่งหรือคู่ค้าใน Shopee/Lazada ได้ในที่เดียว ทั้งข้อมูลยอดขาย การตั้งราคา และสินค้าขายดี โดยแบ่งข้อมูลเป็นร้านค้า แบรนด์ และหมวดหมู่
ฟีเจอร์เด่นของ Store Explorer มีดังนี้:
- ข้อมูลร้านค้า: แสดงชื่อและรูปร้านค้า สถานะ Mall ช่องทางการขาย จำนวนผู้ติดตาม ดาวหรือ Ratings ของร้านค้า อัตราการตอบแชท และลิงก์ไปยังร้านค้าจริงบน Shopee และ Lazada
- ประสิทธิภาพการขาย: แสดงประสิทธิภาพร้านค้าจากข้อมูลสินค้าในช่วงสัปดาห์ที่เลือก ทั้งราคาขายเฉลี่ย จำนวนชิ้นที่ขายได้ ยอดขายโดยประมาณ และจำนวนสินค้าในระบบ พร้อมกราฟแสดงเทรนด์ต่าง ๆ
- Top สินค้าขายดี: แสดงข้อมูลสินค้าขายดีในร้านค้านั้น ๆ พร้อมเทรนด์การเติบโตตามช่วงสัปดาห์ที่เลือก สามารถเรียงลำดับตามราคาขาย จำนวนชิ้นที่ขายได้ และยอดขายโดยประมาณ จากมากไปน้อยหรือน้อยไปมาก
บทบาทของ Social Listening Tools ในการทำ E-Commerce
Social Listening Tools เป็นเครื่องมือเครื่องมือ E-Commerce Listener ที่สำคัญสำหรับผู้ทำการตลาดบนสื่อดิจิทัล ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร พูดถึงอะไร และนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับใช้กับ การตลาดออนไลน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน้าที่หลักของ Social Listening Tools มีดังนี้:
- วัดคุณภาพของแบรนด์: ประเมินการรับรู้ของสาธารณชนต่อแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์
- วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรม: วิเคราะห์การสนทนาหรือแฮชแท็กภายในอุตสาหกรรม
- วิเคราะห์คู่แข่ง: ศึกษาแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง
- วิเคราะห์แคมเปญ: รายงานผลตอบรับของแคมเปญการตลาด
- ตรวจสอบสถานการณ์: ติดตามการตอบสนองของผู้บริโภคต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ
ประโยชน์ของการทำ E-Commerce และการใช้ E-Commerce Listener
ข้อดีของการทำ E-Commerce
- ตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง: E-Commerce มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะขยายตัวต่อไปในอนาคต
- เข้าถึงตลาดทั่วโลก: สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลกเพียงไม่กี่คลิก ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อและเปรียบเทียบสินค้าได้ง่าย
- ต้นทุนต่ำกว่า: ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพื้นที่ อุปกรณ์ และพนักงาน สามารถเปิดร้านได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องมีคนเฝ้า
- ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง: สื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลาง ช่วยให้เข้าใจความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าได้ดีขึ้น
ข้อพิจารณาในการทำ E-Commerce
แม้ว่าการทำ E-Commerce จะมีประโยชน์มากมาย แต่ธุรกิจบางประเภทอาจไม่เหมาะกับช่องทางนี้ ก่อนเริ่มต้น ควรพิจารณาข้อจำกัดต่าง ๆ ดังนี้:
- ข้อจำกัดในการเจรจา: ลูกค้าไม่สามารถสัมผัสหรือทดลองสินค้าได้ก่อนซื้อ อาจทำให้เกิดความลังเลด้านคุณภาพ โดยเฉพาะกับสินค้าประเภทเสื้อผ้าหรือรองเท้า การสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- ปัญหาด้านเทคนิค: การค้าขายออนไลน์ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หากเกิดปัญหาสัญญาณขัดข้อง เว็บไซต์ล่ม หรืออุปกรณ์เสียหาย อาจส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้และยอดขาย
- ความปลอดภัยของข้อมูล: ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมีมูลค่าสูง ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลของลูกค้ารั่วไหล ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและธุรกิจ
- ปัญหาการขนส่งสินค้า: เมื่อธุรกิจขยายตัว การจัดส่งสินค้าจำนวนมากจะยากขึ้น ต้องคำนึงถึงค่าขนส่ง ระยะเวลาการจัดส่ง และความเสียหายระหว่างขนส่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า
สินค้าประเภทไหนที่ขายแบบ E-Commerce ได้ดี
ในโลกยุคดิจิทัล สินค้าเกือบทุกประเภทสามารถขายผ่าน E-Commerce ได้ ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมายและสามารถส่งผ่านระบบขนส่งได้ สินค้าที่ขายผ่าน E-Commerce ได้แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก:
- สินค้าที่จับต้องได้ (Physical Goods): เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ เสื้อผ้า หรือสินค้าอุปโภคบริโภค
- สินค้าที่จับต้องไม่ได้ (Digital Goods): เช่น แอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ เพลง หนัง รูปภาพ รหัสเกมหรือไอเท็มในเกม
- บริการอำนวยความสะดวก: เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน/ตั๋วหนัง โรงแรมที่พัก คลินิกเสริมความงาม ฯลฯ
เพื่อให้สินค้าขายดี สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ทำให้สินค้าน่าสนใจและตรงกับความต้องการของผู้บริโภค หลังจากนั้นจึงใช้การตลาดช่วยให้สินค้าเป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ช่องทางขายสินค้าแบบ E-Commerce
1. เว็บไซต์ E-Commerce
เว็บไซต์ E-Commerce คือเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันการซื้อขายสินค้าและบริการทางออนไลน์ ผู้ขายสามารถสร้างได้เองหรือใช้บริการ พัฒนาเว็บไซต์ E-Commerce จากผู้เชี่ยวชาญ
ข้อดี:
- สร้างตัวตนและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
- ออกแบบเว็บไซต์ได้ตามต้องการให้เหมาะกับธุรกิจ
- จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้เอง
ข้อควรพิจารณา:
- ต้นทุนสูงในช่วงแรก ทั้งค่าออกแบบ พัฒนาเว็บไซต์ และการตลาด
- ต้องดูแลรักษาและอัพเดทเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ
2. ร้าน Marketplace
Marketplace คือ เว็บไซต์ E-Commerce ที่รวบรวมสินค้าและบริการจากผู้ขายหลายราย ให้บริการผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน มีระบบการสร้างร้านค้า จัดส่ง คืนสินค้า และชำระเงินทางออนไลน์ เช่น Lazada หรือ Shopee
ข้อดี:
- เข้าถึงลูกค้าจำนวนมากได้ทันที ลงทุนด้านการตลาดน้อย
- มีระบบซื้อขายครบวงจร สะดวกทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
- เริ่มต้นได้ทันที ไม่ต้องมีหน้าร้านหรือสร้างเว็บไซต์เอง ประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อควรพิจารณา:
- มีค่าธรรมเนียมรายปีหรือส่วนแบ่งจากยอดขายที่ต้องจ่ายให้ Marketplace
- การแข่งขันสูง ต้องเน้นเรื่องราคาและโปรโมชัน
- ต้องเรียนรู้การใช้เครื่องมือและเทคนิคของแต่ละแพลตฟอร์ม
3. Social Commerce
Social Commerce คือ การซื้อขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ใช้เป็นช่องทางโปรโมทและสื่อสารกับลูกค้า สามารถสั่งซื้อผ่านโซเชียลมีเดียโดยตรงหรือผ่านแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Facebook Marketplace หรือ Line Shopping ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Social Media Marketing
ข้อดี:
- ผู้ซื้อและผู้ขายสื่อสารกันได้โดยตรง เจรจาต่อรองราคาได้
- สร้างแบรนด์และความไว้วางใจกับลูกค้าด้วยกลยุทธ์คอนเทนต์
- มีผู้ใช้จำนวนมากและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณาได้แม่นยำ
ข้อควรพิจารณา:
- ความน่าเชื่อถือน้อยกว่าช่องทางอื่น เนื่องจากระบบสนับสนุน E-Commerce ยังไม่สมบูรณ์
- ไม่ใช่ทุกสินค้าที่เหมาะกับทุกแพลตฟอร์ม ต้องศึกษากลุ่มเป้าหมายให้ละเอียด
ทิศทางของ E-Commerce ในปี 2025
E-Commerce ยังคงเป็นเทรนด์ธุรกิจที่มีศักยภาพสูงในอนาคต โดยมีทิศทางที่น่าจับตามองดังนี้:
- การเติบโตอย่างต่อเนื่อง: E-Commerce จะยังคงเป็นส่วนสำคัญในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผู้คนคุ้นเคยกับการซื้อขายออนไลน์มากขึ้น
- การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น: ทั้งในด้านคุณภาพ ราคา และการบริการ ผู้ขายต้องปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
- การนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น: เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น AI, VR/AR จะเข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์ข้อมูล แนะนำสินค้า และสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
- การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: ผู้ขายจะเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ทั้งการให้ข้อมูล คำปรึกษา ส่วนลด และสิทธิพิเศษ เพื่อรักษาฐานลูกค้า
บริการของ Cipher
Cipher เป็นบริษัทเอเจนซี่ Digital Marketing แบบครบวงจรที่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์และพัฒนากลยุทธ์การตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ E-commerce เรามีบริการครอบคลุมทุกด้านของการตลาดดิจิทัล ดังนี้:
1. E-Commerce Listener & Analytics
2. SEO & Content Marketing
เราพัฒนาเนื้อหาคุณภาพสูงที่ตรงตามหลัก SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหา ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านคอนเทนต์และ SEO ที่เข้าใจเทคนิคการทำอันดับบน Google
3. Social Media Marketing
4. E-Commerce Platform Development
5. Market Research & Strategic Planning
สรุป
E-Commerce Listener เป็นเครื่องมือ AI สุดล้ำที่ช่วยวิเคราะห์เทรนด์สินค้าและคู่แข่งในตลาด E-Commerce ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ค้นพบโอกาสทางธุรกิจใหม่ และวางกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ Cipher พร้อมเป็นพันธมิตรที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จด้วยบริการ Digital Marketing และกลยุทธ์การใช้เครื่องมือ E-Commerce Listener แบบครบวงจรและเครื่องมือวิเคราะห์ล้ำสมัย ติดต่อเราวันนี้เพื่อยกระดับธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จในโลกดิจิทัล
คำถามที่พบบ่อย
E-Commerce Listener แตกต่างจาก Social Listening Tools ทั่วไปอย่างไร?
ธุรกิจขนาดเล็กควรเริ่มต้นใช้ E-Commerce Listener อย่างไร?
ธุรกิจขนาดเล็กควรเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการข้อมูลด้านใด เช่น การวิเคราะห์คู่แข่ง การค้นหาสินค้าที่มีโอกาสเติบโต หรือการตั้งราคาให้เหมาะสม จากนั้นเลือกใช้บริการที่มีแพ็กเกจเริ่มต้นราคาไม่สูงมาก โดยสามารถปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญจาก Cipher เพื่อหาแพ็คเกจที่เหมาะสมกับขนาดและความต้องการของธุรกิจ