Marketing Contacts HubSpot คืออะไร? คู่มือใช้งานที่ช่วยให้ควบคุมต้นทุนและทำการตลาดได้แม่นยำขึ้น

Marketing Contacts HubSpot

หากคุณกำลังใช้งาน HubSpot CRM อยู่ คุณอาจเคยสงสัยว่าทำไมค่าบริการถึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่คุณมีรายชื่อผู้ติดต่อไม่ได้เยอะขนาดนั้น หรือบางทีคุณอาจไม่รู้ว่าระบบกำลังคิดค่าใช้จ่ายจากรายชื่อที่คุณไม่ได้ทำการตลาดด้วยเลย ความจริงก็คือ ไม่ใช่ทุกรายชื่อใน HubSpot ที่คุณต้องจ่ายค่าบริการ แต่หลายคนยังไม่รู้วิธีจัดการที่ถูกต้อง ส่งผลให้เสียเงินเปล่าไปกับรายชื่อที่ไม่จำเป็น

CIPHER พร้อมช่วยคุณทำความเข้าใจกับระบบ Marketing Contacts HubSpot อย่างละเอียด พร้อมเทคนิคในการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดของคุณ

Table of Contents

Marketing Contacts ใน HubSpot คืออะไร?

Marketing Contacts HubSpot

Marketing Contacts HubSpot คือ ระบบที่ HubSpot ออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถจัดการรายชื่อผู้ติดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุน

HubSpot CRM แบ่งผู้ติดต่อออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

1) Marketing Contacts

รายชื่อที่คุณต้องการทำการตลาดด้วยจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น:

  • ส่งอีเมลการตลาด — นำรายชื่อเข้า email campaign ต่าง ๆ
  • ใช้ใน Workflow Automation — ตั้งค่าระบบการทำงานอัตโนมัติ
  • สร้าง Ads Audience — นำไปใช้ในการทำโฆษณา
  • วิเคราะห์ผ่าน HubSpot Marketing Analytics — ดึงข้อมูลเชิงลึกเพื่อวางแผนการตลาด

รายชื่อเหล่านี้จะถูกนับรวมใน contact tier ของคุณ และมีผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายรายเดือน

2) Non-Marketing Contacts

รายชื่อที่คุณยังต้องการเก็บข้อมูลไว้ในระบบ CRM แต่ไม่ได้ทำการตลาดใด ๆ เช่น:

  • ลูกค้าเก่าที่ไม่ได้มีการติดต่อ
  • Lead ที่ยังไม่พร้อมซื้อหรือไม่ตอบสนอง
  • รายชื่อที่อยู่นอกกลุ่มเป้าหมาย
  • ข้อมูลที่เก็บไว้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น

ข้อดีสำคัญ คือ รายชื่อประเภทนี้ ไม่ถูกคิดค่าใช้จ่าย แต่คุณยังสามารถเก็บข้อมูลและใช้งานในส่วนของ Sales ได้ตามปกติ ระบบ Marketing Contacts HubSpot ช่วยให้คุณ “จ่ายเฉพาะที่ใช้จริง” ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญของ HubSpot Marketing Hub ที่ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กถึงใหญ่สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีที่ HubSpot คิดค่าใช้จ่ายจาก Marketing Contacts

หลายคนเข้าใจผิดว่า HubSpot จะคิดค่าบริการจากจำนวน Contact ทั้งหมดในระบบ แต่ความจริงแล้ว HubSpot Marketing Hub คิดค่าใช้จ่ายจาก Marketing Contacts เท่านั้น

Contact Tier ทำงานอย่างไร?

Contact tier คือ ระดับการคิดค่าบริการตามจำนวน Marketing Contacts HubSpot ที่คุณมี ยกตัวอย่างเช่น:

  • คุณมี Contact ทั้งหมด 50,000 รายชื่อ
  • แต่ตั้งค่าเป็น Marketing Contacts เพียง 5,000 รายชื่อ
  • ค่าใช้จ่ายจะคิดตาม 5,000 ไม่ใช่ 50,000

รายชื่อที่เหลืออีก 45,000 ยังคงอยู่ใน HubSpot CRM ของคุณ สามารถดูข้อมูลและใช้งานได้ตามปกติโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

รายชื่อแบบไหนที่ถูกนับเป็น Marketing Contacts

เมื่อคุณกำหนดให้ Contact เป็น Marketing Contact แล้ว รายชื่อนั้นจะสามารถ:

  • ถูกเพิ่มเข้าใน Marketing Email — ส่งอีเมลโปรโมชัน newsletter หรือ drip campaign
  • ถูกเพิ่มใน Ads Audience — นำไปสร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับโฆษณา Facebook, Google Ads
  • ใช้ใน Workflow — ตั้งค่าระบบอัตโนมัติใน HubSpot Marketing Hub
  • รวมในรายงาน Marketing Analytics — ดูข้อมูลเชิงลึกผ่าน HubSpot Marketing Analytics

หากคุณพยายามเพิ่ม Non-Marketing Contact เข้าในกิจกรรมเหล่านี้ ระบบจะแจ้งเตือนให้คุณเปลี่ยนสถานะก่อน

ทำไม HubSpot แยกประเภท Contact เพื่อบริหารต้นทุน

ก่อนที่จะมีระบบ Marketing Contacts HubSpot ธุรกิจต้องจ่ายค่าบริการตามจำนวนรายชื่อทั้งหมด แม้จะไม่ได้ใช้งานจริงก็ตาม ทำให้หลายองค์กรต้องเผชิญกับปัญหา:

  • ค่าใช้จ่ายสูงเกินจำเป็น เพราะมีรายชื่อเก่าๆ จำนวนมากที่ไม่ได้ทำการตลาดด้วย
  • ไม่กล้านำเข้าข้อมูลเพิ่ม เพราะกลัวค่าบริการจะพุ่ง
  • ต้องลบข้อมูลออก ซึ่งอาจต้องใช้ในอนาคต

HubSpot Digital Marketing จึงพัฒนาระบบนี้เพื่อให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลได้ไม่จำกัด แต่จ่ายเฉพาะรายชื่อที่ทำการตลาดจริงๆ ทำให้ HubSpot Thailand เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจทุกขนาด

คุณสมบัติสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ Marketing Contacts

เพื่อให้เข้าใจและจัดการ Marketing Contacts HubSpot ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องรู้จักกับคุณสมบัติสำคัญเหล่านี้

Marketing Contact Status Property คืออะไร?

HubSpot CRM ใช้ property ชื่อ “Marketing contact status” ในการกำหนดว่ารายชื่อนั้นเป็นประเภทใด โดยมีค่าที่เป็นไปได้ดังนี้:

  • Marketing — รายชื่อพร้อมใช้งานในทุกฟีเจอร์การตลาด และถูกนับใน billing
  • Non-Marketing — ไม่สามารถใช้ในกิจกรรมการตลาด และไม่ถูกคิดค่าใช้จ่าย
  • ค่าว่าง (Empty) — ระบบจะใช้สถานะเดิมจนกว่าจะมีการอัปเดตในรอบถัดไป

คุณสามารถดู property นี้ได้ในหน้า contact record หรือเพิ่มเป็นคอลัมน์ในหน้า contacts list เพื่อความสะดวกในการจัดการ

รอบการอัปเดตสถานะ (Processing Cycle)

สิ่งสำคัญที่คุณต้องรู้คือ HubSpot Marketing Hub ไม่ได้อัปเดตสถานะ Marketing Contact แบบ real-time ทันที แต่จะมีรอบการประมวลผลดังนี้:

  • การเปลี่ยนแปลงจะมีผลภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังจากที่คุณกำหนดสถานะ
  • ระบบจะ sync ข้อมูลในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้กระทบประสิทธิภาพของระบบ
  • ค่าใช้จ่ายจะถูกคำนวณตามสถานะ ณ วันปิดรอบบิล

ดังนั้นหากคุณเปลี่ยน Contact จาก Marketing เป็น Non-Marketing ในวันที่ 28 แต่วันปิดบิลคือวันที่ 30 คุณอาจยังถูกคิดค่าบริการสำหรับรายชื่อนั้นในเดือนนั้น

สิทธิ์ผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่า Marketing Contacts

เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงสถานะโดยไม่ตั้งใจ HubSpot CRM มีระบบจัดการสิทธิ์ดังนี้:

  • Super Admin และ Account Admin — มีสิทธิ์เต็มในการจัดการ Marketing Contact Status
  • User ทั่วไป — สามารถตั้งค่าสิทธิ์ให้หรือไม่ให้เปลี่ยนสถานะได้
  • การจำกัดสิทธิ์ — ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งสูงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

การจัดการสิทธิ์อย่างเหมาะสมเป็นส่วนสำคัญของการควบคุมต้นทุนใน HubSpot Marketing Hub โดยเฉพาะองค์กรที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก

วิธีตั้งค่า Marketing Contacts ใน HubSpot

Marketing Contacts HubSpot มีหลายวิธีในการตั้งค่าให้เหมาะกับ workflow ของแต่ละองค์กร มาดูวิธีการทั้งหมดกันเลย

ตั้งค่าตอนสร้าง Contact ใหม่ด้วยมือ

วิธีนี้เหมาะสำหรับการเพิ่มรายชื่อเป็นราย ๆ เช่น:

  1. คลิกที่ Contacts > Create contact
  2. กรอกข้อมูลพื้นฐาน (ชื่อ, อีเมล, เบอร์โทร)
  3. ในส่วน Marketing contact status เลือก:
      • Marketing — หากต้องการทำการตลาดด้วยทันที
      • Non-Marketing — หากยังไม่ต้องการใช้ในกิจกรรมการตลาด
  4. กด Create

วิธีนี้ให้คุณควบคุมได้ทันทีว่ารายชื่อไหนควรเป็น Marketing Contacts HubSpot ตั้งแต่เริ่มต้น

การตั้งค่าผ่านการ Import ข้อมูล

การ import เป็นวิธีที่ใช้กันมากเมื่อต้องนำเข้ารายชื่อจำนวนมาก แต่มีข้อควรระวัง:

สำหรับการนำเข้าไฟล์เดียว:

  • คุณสามารถเลือกตั้งค่ารายชื่อทั้งหมดเป็น Marketing Contacts ได้ตั้งแต่ขั้นตอน import
  • เหมาะสำหรับรายชื่อที่มั่นใจว่าต้องการทำการตลาดด้วยทั้งหมด

สำหรับการนำเข้าหลาย object หรือหลายไฟล์:

  • ระบบจะตั้งค่า default เป็น Non-Marketing Contacts
  • คุณต้องเปลี่ยนสถานะเองภายหลัง

เคล็ดลับสำหรับ HubSpot Digital Marketing: ก่อน import ให้คัดกรองข้อมูลในไฟล์ให้เหลือแต่รายชื่อที่มีคุณภาพ จะช่วยลดปัญหาและค่าใช้จ่ายในภายหลัง

ตั้งค่าแบบ Bulk ในหน้า Contacts

หากคุณต้องการเปลี่ยนสถานะหลายรายชื่อพร้อมกัน:

  1. ไปที่หน้า Contacts ใน HubSpot CRM
  2. ใช้ filter กรองหารายชื่อที่ต้องการเปลี่ยนสถานะ
  3. เลือก checkbox รายชื่อที่ต้องการ (สามารถเลือกทั้งหน้าได้)
  4. คลิก Edit ที่มุมบนขวา
  5. เลือก Set marketing contact status
  6. เลือกสถานะที่ต้องการและยืนยัน

วิธีนี้มีประโยชน์มากเมื่อคุณต้องการ:

  • เปลี่ยน lead ที่ไม่ตอบสนองให้เป็น Non-Marketing เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
  • เปลี่ยน lead คุณภาพสูงให้เป็น Marketing เพื่อเพิ่มเข้าใน campaign

การใช้ Workflow กำหนดสถานะ Marketing Contacts อัตโนมัติ

Marketing Contacts HubSpot

วิธีนี้เป็น best practice สำหรับ HubSpot Marketing Hub Professional และ Enterprise เพราะช่วยให้การจัดการเป็นอัตโนมัติและลดโอกาสผิดพลาด

ตัวอย่าง Workflow ที่ใช้งานได้จริง:

Workflow 1: เปลี่ยนเป็น Marketing Contact เมื่อมี Engagement

  • Trigger: Contact กรอกฟอร์ม “Download eBook”
  • Action: Set marketing contact status เป็น “Marketing”
  • เหตุผล: แสดงความสนใจชัดเจน คุ้มค่าที่จะทำการตลาดต่อ

Workflow 2: เปลี่ยนเป็น Non-Marketing เมื่อไม่มี Engagement

  • Trigger: Contact ไม่เปิดอีเมลใด ๆ เลยใน 6 เดือนที่ผ่านมา
  • Action: Set marketing contact status เป็น “Non-Marketing”
  • เหตุผล: ประหยัดต้นทุนโดยไม่ทำการตลาดกับคนที่ไม่สนใจ

Workflow 3: เปลี่ยนกลับเป็น Marketing เมื่อกลับมามี Engagement

  • Trigger: Non-Marketing Contact เข้าเว็บไซต์และดูหน้า Pricing
  • Action: Set marketing contact status เป็น “Marketing”
  • เหตุผล: สัญญาณซื้ออีกครั้ง คุ้มค่าที่จะกลับมาทำการตลาด

การใช้ Workflow ช่วยให้ HubSpot Marketing Analytics ของคุณมีข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น และคุณสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างอัตโนมัติ

เมื่อไหร่ควรตั้ง Contact ให้เป็น Marketing Contacts

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดใน HubSpot Thailand คือ “รายชื่อแบบไหนที่ควรตั้งเป็น Marketing Contacts” คำตอบขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่เราจะให้แนวทางที่ชัดเจน

ตัวอย่างสถานการณ์ที่เหมาะ

คุณควรตั้งค่าเป็น Marketing Contacts HubSpot เมื่อ:

  • Lead กรอกฟอร์มขอข้อมูล — แสดงความสนใจและยินยอมรับข้อมูล
  • ลูกค้าที่ซื้อแล้วต้องการทำ Upsell/Cross-sell — มีโอกาสสูงที่จะซื้อเพิ่ม
  • ผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ — มี engagement สูง เหมาะกับการติดตามผล
  • Lead จาก Paid Ads — คุณลงทุนเงินมาแล้ว ควรทำการตลาดต่อให้คุ้ม
  • รายชื่อที่ขอรับ Newsletter — ยินยอมรับข้อมูลชัดเจน

สัญญาณของ Lead ที่ควรทำการตลาด

การวิเคราะห์ข้อมูลจาก HubSpot Marketing Analytics สามารถช่วยคุณระบุ lead คุณภาพสูงได้ ด้วยสัญญาณเหล่านี้:

  • มี Engagement Rate สูง — เปิดอีเมลบ่อย, คลิกลิงก์, เข้าเว็บไซต์
  • Lead Score สูง — ได้คะแนนจากพฤติกรรมและข้อมูลประชากร
  • อยู่ในขั้นตอน Decision Stage — ใกล้จะตัดสินใจซื้อ
  • มีปฏิสัมพันธ์กับ Sales Team — ได้คุยกับทีมขายแล้ว แต่ยังไม่ปิดดีล
  • เคยซื้อแล้วและมี Customer Lifetime Value สูง — คุ้มค่าที่จะรักษาไว้

รายชื่อที่ควรเก็บเป็น Non-Marketing เพื่อประหยัดต้นทุน

ในทางกลับกัน คุณควรตั้งเป็น Non-Marketing Contact เมื่อ:

  • รายชื่อเก่าที่ไม่มี engagement มานานมาก — ไม่เปิดอีเมล 6-12 เดือน
  • Contact ที่ Unsubscribe แล้ว — ไม่ต้องการรับอีเมลการตลาด
  • รายชื่อคู่แข่ง หรือ vendor — เก็บไว้อ้างอิงแต่ไม่ต้องทำการตลาด
  • Employee หรือ contractor ของบริษัท — ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายจริง
  • Lead Score ต่ำมากและไม่มีพฤติกรรมที่น่าสนใจ — ไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน
  • Contact จากการ import โดยไม่มีการยินยอม — ควรเก็บไว้ก่อนโดยไม่ทำการตลาด

การแยกประเภทอย่างชัดเจนช่วยให้ HubSpot Digital Marketing ของคุณมีประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น

ข้อควรระวังในการจัดการ Marketing Contacts

แม้ Marketing Contacts HubSpot จะช่วยประหยัดต้นทุนได้มาก แต่หากไม่ระวังก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน

ผลกระทบต่อ Billing หากตั้งค่าไม่ถูกต้อง

ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือค่าใช้จ่ายพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะ:

  • Import รายชื่อจำนวนมากและตั้งเป็น Marketing ทั้งหมด — ไม่ได้กรองคุณภาพก่อน
  • ใช้ Workflow ที่กว้างเกินไป — เช่น ตั้งให้ทุกคนที่เข้าเว็บไซต์กลายเป็น Marketing Contact
  • ลืม downgrade รายชื่อที่ไม่ engage แล้ว — ยังจ่ายค่าบริการต่อไปโดยไม่จำเป็น
  • มีหลายคนที่สามารถเปลี่ยนสถานะได้ — เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อจำนวน Marketing Contacts HubSpot เพิ่มขึ้นเกิน tier ที่กำหนด ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นทันที ดังนั้นการติดตามอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญมาก

ปัญหาที่พบบ่อยจากการ Import หรือ Workflow

ปัญหาจาก Import:

  • Import file ที่มีรายชื่อซ้ำ ทำให้จำนวน Marketing Contacts เพิ่มโดยไม่จำเป็น
  • Import รายชื่อที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่ได้ opt-in มาก่อน
  • ไม่เข้าใจว่าการ import แบบหลาย object จะตั้งเป็น Non-Marketing โดย default

ปัญหาจาก Workflow:

  • Trigger กว้างเกินไป เช่น “Anyone who visited the website”
  • ไม่มี criteria ในการ downgrade กลับเป็น Non-Marketing
  • ไม่มีการ test workflow ก่อนเปิดใช้งานจริง
  • Workflow duplicate ทำให้ contact ถูกเปลี่ยนสถานะซ้ำซ้อน

การวางแผนอย่างรอบคอบก่อนใช้ HubSpot Marketing Hub จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้

ทำไมควรตรวจสอบ Contact Status เป็นประจำ

HubSpot CRM แนะนำให้ตรวจสอบ Marketing Contact Status อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพราะ:

  • พฤติกรรม Lead เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา — คนที่เคย engage อาจหายไป, คนที่ไม่ engage อาจกลับมาสนใจ
  • ข้อมูลเก่าสะสมเรื่อย ๆ — รายชื่อที่ไม่มีคุณภาพจะกินค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง
    Workflow อาจทำงานไม่ตรงตามที่คาดหวัง — ต้องปรับแก้เป็นระยะ
  • ธุรกิจมีกลยุทธ์ใหม่ — อาจต้องปรับ criteria การเป็น Marketing Contact

การใช้ HubSpot Marketing Analytics วิเคราะห์และทำ audit เป็นประจำจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าค่าใช้จ่ายทุกบาทเกิดประโยชน์จริง

แนวทางจัดการ Marketing Contacts ให้คุ้มค่าที่สุด

มาดูกลยุทธ์ที่ HubSpot Digital Marketing แนะนำสำหรับการจัดการ Marketing Contacts HubSpot อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคลดจำนวนรายชื่อที่ไม่จำเป็น

วิธีการลดต้นทุนที่ไม่กระทบประสิทธิภาพ:

  • ล้างรายชื่อที่ bounced หรือ invalid — อีเมลที่ส่งไม่ถึงไม่มีประโยชน์
  • ลบรายชื่อซ้ำ (duplicates) — ใน HubSpot CRM มีเครื่องมือจัดการ duplicates ให้
  • Unsubscribe รายชื่อที่ไม่ตอบสนองเลย — หากไม่เปิดอีเมล 12 เดือน ลองส่ง re-engagement campaign ก่อน ถ้าไม่สนใจให้เปลี่ยนเป็น Non-Marketing
  • Archive ข้อมูลเก่าที่ไม่ใช้แล้ว — เก็บไว้เป็น Non-Marketing สำหรับการอ้างอิง
  • ตั้งกฎการหมดอายุ (Expiration Rule) — ใช้ Workflow ตรวจสอบว่า Marketing Contact ที่ไม่มี engagement ใน X เดือนจะถูกเปลี่ยนเป็น Non-Marketing อัตโนมัติ

การทำเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอจะทำให้ฐานข้อมูลของคุณมีคุณภาพสูงและค่าใช้จ่ายต่ำลง

ใช้ Segmentation เพื่อคัด Lead ที่มีคุณภาพจริง

HubSpot Marketing Hub มีฟีเจอร์ list segmentation ที่ช่วยให้คุณแบ่งกลุ่มรายชื่อตามเกณฑ์ต่าง ๆ:

Segmentation ตาม Engagement:

  • High Engagement: เปิดอีเมล 50%+ ของ campaign, คลิกลิงก์บ่อย
  • Medium Engagement: เปิดอีเมลบางครั้ง, มี interaction บางส่วน
  • Low/No Engagement: ไม่เปิดอีเมลเลยใน 6 เดือน

Segmentation ตาม Lead Score:

  • Hot Leads (Score 80-100): ควรเป็น Marketing Contact เพื่อทำ conversion
  • Warm Leads (Score 50-79): พิจารณาตามงบประมาณและกลยุทธ์
  • Cold Leads (Score 0-49): ควรเป็น Non-Marketing จนกว่าจะมี engagement

Segmentation ตาม Lifecycle Stage:

  • Subscriber, Lead, MQL, SQL: เหมาะเป็น Marketing Contact
  • Customer: พิจารณาตาม upsell/retention strategy
  • Evangelist, Other: อาจเป็น Non-Marketing ถ้าไม่มีแผนการตลาด

การใช้ HubSpot Marketing Analytics วิเคราะห์ segment ต่าง ๆ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่ากลุ่มไหนคุ้มค่าที่จะเป็น Marketing Contact

ทำความสะอาดฐานข้อมูล (Data Clean-up) อย่างสม่ำเสมอ

Data hygiene เป็นหัวใจของการจัดการ Marketing Contacts HubSpot ที่ดี แนะนำให้มีกระบวนการดังนี้:

รายเดือน:

  • ตรวจสอบจำนวน Marketing Contacts ปัจจุบัน vs. ที่ใช้จริง
  • ดูรายชื่อที่ไม่มี engagement ใน 1 เดือนที่ผ่านมา
  • ลบรายชื่อที่ bounced หรือ marked as spam

รายไตรมาส (ทุก 3 เดือน):

  • Audit ทั้งหมดและหา duplicates
  • ตรวจสอบ Workflow ที่ตั้งค่าไว้ว่ายังเหมาะสมหรือไม่
  • วิเคราะห์ conversion rate ของแต่ละ segment

รายปี:

  • Review กลยุทธ์ Marketing Contact ทั้งหมด
  • เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับ ROI
  • วางแผนการเติบโตหรือการลดต้นทุนสำหรับปีถัดไป

HubSpot Thailand มีเครื่องมือและรายงานที่ช่วยในการทำ data clean-up เหล่านี้ได้อย่างสะดวก

บริการตั้งค่าและเทรน HubSpot Marketing Contacts จาก CIPHER

การจัดการ Marketing Contacts HubSpot ให้มีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มใช้ HubSpot CRM หรือต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ที่ CIPHER เราให้บริการครบวงจรตั้งแต่การตั้งค่า HubSpot Marketing Hub การออกแบบ Workflow อัตโนมัติ การวิเคราะห์ผ่าน HubSpot Marketing Analytics ไปจนถึงการอบรมทีมให้ใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ เรามีประสบการณ์กับแพลตฟอร์ม HubSpot และเป็น Certified HubSpot Partner ที่ช่วยให้ใช้งาน HubSpot CRM ได้เต็มศักยภาพ ติดต่อบริการ CRM Training จากผู้เชี่ยวชาญวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาฟรีและประเมินระบบของคุณ

คำถามที่พบบ่อย

Marketing Contacts ใน HubSpot คืออะไร และใช้งานอะไรได้บ้าง?

Marketing Contacts คือ รายชื่อผู้ติดต่อที่คุณต้องการทำการตลาดด้วยจริง ๆ และถูกนับเข้าในค่าบริการรายเดือน สามารถใช้งานได้ดังนี้:

  • ส่งอีเมลการตลาดและ newsletter
  • ใช้ใน Workflow Automation
  • สร้าง Ads Audience สำหรับโฆษณา
  • วิเคราะห์ผ่าน HubSpot Marketing Analytics

HubSpot คิดค่าบริการอย่างไร?

HubSpot คิดค่าบริการจากจำนวน Marketing Contacts เท่านั้น ไม่ใช่ Contact ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น หากคุณมี Contact 50,000 ราย แต่ตั้งเป็น Marketing Contacts เพียง 5,000 ราย คุณจะจ่ายค่าบริการตาม 5,000 รายเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังเก็บไว้ในระบบได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

รายชื่อแบบไหนที่ควรตั้งเป็น Marketing Contact?

ควรตั้งเป็น Marketing Contact เมื่อเป็นรายชื่อที่มี engagement สูง มี Lead Score ดี หรือกำลังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจซื้อ เช่น ลูกค้าใหม่ที่กรอกฟอร์ม ผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ Lead จาก Paid Ads หรือผู้ที่ขอรับ Newsletter และยังไม่ควรตั้งรายชื่อที่ไม่มี engagement มานาน รายชื่อที่ unsubscribe หรือพนักงานในบริษัท

ควรตรวจสอบ Marketing Contact Status บ่อยแค่ไหน?

ควรตรวจสอบอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพราะพฤติกรรม Lead เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การตรวจสอบเป็นประจำช่วยให้มั่นใจว่าคุณไม่จ่ายเงินกับรายชื่อที่ไม่มีคุณภาพ และสามารถปรับ Workflow ให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ปัจจุบันของธุรกิจ
Shopping Cart
Scroll to Top