Table of Contents
Shopify Email คู่มือการตลาดอีเมลสำหรับ SMEs และร้านค้าออนไลน์
Shopify Email นับเป็นโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการใช้ Email Marketing ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะนำเสนอเคล็ดลับและเทคนิคในการเริ่มต้นใช้งานและใช้ประโยชน์จาก Shopify Email Marketing อย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจของคุณเติบโตมากขึ้น โดย Cipher ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
เริ่มต้นใช้งาน Shopify Email เพื่อการตลาดอีเมล
หากคุณเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์บน Shopify และต้องการเพิ่มยอดขายผ่านการตลาดอีเมล Shopify Email จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ มาเรียนรู้วิธีการเริ่มต้นใช้งาน Shopify Email กันเลย
ทำไมต้องทำการตลาดอีเมลด้วย Shopify Email
Shopify Email คือเครื่องมือการตลาดอีเมลที่มีประสิทธิภาพสำหรับร้านค้าออนไลน์ การทำการตลาดอีเมลช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ ส่งเสริมการขาย และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมได้เป็นอย่างดี ข้อดีของ Shopify Email คือความสะดวก เข้ากันได้กับ แพลตฟอร์ม Shopify อย่างลงตัว ใช้งานง่าย ราคาคุ้มค่า ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแคมเปญอีเมลได้อย่างมืออาชีพ
ข้อกำหนดและการติดตั้ง Shopify Email
การใช้งาน Shopify Email จำเป็นต้องมีร้านค้าออนไลน์บน Shopify และสมัครใช้งานแผนรายเดือนที่รองรับ นอกจากนี้ต้องติดตั้งช่องทางการขายร้านค้าออนไลน์และตั้งค่าการชำระเงินให้เรียบร้อย สำหรับการติดตั้ง Shopify Email จะติดตั้งอัตโนมัติในระบบ แต่หากไม่มีให้ติดตั้ง สามารถค้นหาและติดตั้งได้จาก Shopify App Store
การตั้งค่าที่อยู่อีเมลผู้ส่งให้ถูกต้อง
เพื่อให้การส่งอีเมลเป็นไปอย่างราบรื่นและป้องกันการถูกมองเป็นสแปม ควรตั้งค่าที่อยู่อีเมลผู้ส่งให้ถูกต้องโดยใช้อีเมลโดเมนเดียวกับร้านค้า สำหรับโดเมนของ Shopify สามารถใช้งานได้ทันที แต่หากใช้โดเมนภายนอก จำเป็นต้องยืนยันตัวตนโดเมนอีเมลก่อนใช้งาน รวมถึงการเพิ่มบันทึก SPF และ DKIM ลงในโดเมนเพื่อให้อีเมลแสดงผลอย่างถูกต้อง
เทคนิคสร้างเนื้อหาอีเมลการตลาดให้ดึงดูดลูกค้า
การสร้างเนื้อหาอีเมลให้น่าสนใจและดึงดูดลูกค้านั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเปิดอ่านและมีส่วนร่วมกับอีเมลจากแบรนด์ของเรา มาดูกันว่าต้องเขียนอีเมลแบบไหนเพื่อให้ได้ใจลูกค้า
สิ่งที่ควรระบุในอีเมลการตลาดเพื่อให้ได้ผล
อีเมลการตลาดควรมีองค์ประกอบสำคัญเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า เช่น หัวข้ออีเมลที่โดดเด่น เนื้อหาที่กระชับ ชัดเจน เสนอประโยชน์และคุณค่าให้กับลูกค้า Call-to-Action ที่ชัดเจน ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์หรือร้านค้า และข้อมูลติดต่อร้านค้าที่ครบถ้วน นอกจากนี้ควรมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
5 เคล็ดลับการเขียน Subject และเนื้อหาอีเมล
- ใช้หัวเรื่องที่สั้น กระชับ ชวนให้อยากเปิดอ่าน ไม่เกิน 6-8 คำ
- เขียนเนื้อหาแบบ Personalized ให้รู้สึกเหมือนส่งถึงลูกค้าโดยเฉพาะ
- ใช้ภาษาเป็นกันเอง อ่านง่าย ชัดเจน ไม่เยิ่นเย้อ
- นำเสนอข้อมูล ข้อเสนอพิเศษ หรือสิ่งที่ลูกค้าจะได้ประโยชน์
- ใส่ลิงก์และ Call-to-Action ชัดเจน อย่าลืมใส่ Unsubscribe Link
การออกแบบเทมเพลตอีเมลให้ตรงกับแบรนด์
การออกแบบเทมเพลตอีเมลให้สอดคล้องกับแบรนด์ช่วยสร้างการจดจำและความน่าเชื่อถือ โดย Shopify Email มีฟีเจอร์ Brand Settings ที่สามารถกำหนดสี ฟอนต์ โลโก้ และองค์ประกอบต่างๆ ให้เหมือนกับร้านค้า ซึ่งจะถูกนำไปใช้กับเทมเพลตทั้งหมดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถออกแบบเองได้ตามต้องการ แนะนำให้ใช้การออกแบบที่เรียบง่าย สวยงาม อ่านง่าย และเป็นระเบียบ
จังหวะและความถี่ในการส่งแคมเปญอีเมลที่เหมาะสม
นอกจากเนื้อหาที่ดีและดึงดูดใจแล้ว จังหวะและความถี่ในการส่งอีเมลก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การส่งอีเมลมากหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลเสียต่ออัตราการเปิดอ่าน การคลิก และการยกเลิกรับข้อมูล ทำอย่างไรจึงจะหาจุดสมดุลที่ลงตัวได้
ควรส่งอีเมลบ่อยแค่ไหน ช่วงเวลาไหนดี
ความถี่ในการส่งอีเมลที่แนะนำคือสัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง หรืออย่างน้อย 2 ครั้งต่อเดือน เพื่อรักษาการมีส่วนร่วมโดยไม่รบกวนมากจนเกินไป ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมคือวันธรรมดาช่วงสาย-บ่ายโมง หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่อาจแตกต่างตามพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม นอกจากนี้ควรกำหนดตารางในการส่งแคมเปญไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เนื้อหามีความต่อเนื่องและลูกค้ารู้ว่าจะได้รับข้อมูลอัปเดตเมื่อไร
การส่งอีเมลทดสอบก่อนส่งจริง
ก่อนส่งอีเมลจริง ควรมีการส่งอีเมลทดสอบไปยังตัวเองหรือทีมงานก่อนเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทัน โดยต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนทั้งข้อความ รูปภาพ ลิงก์ และความถูกต้องของข้อเสนอต่างๆ รวมถึงการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และผ่านอีเมลเซอร์วิสยอดนิยม
เทคนิคเพิ่มอัตราเปิด คลิก และส่งถึงลูกค้าให้สูงขึ้น
นอกจากการสร้างเนื้อหา หัวเรื่อง การออกแบบ และจังหวะที่ดีแล้ว การปรับปรุงอัตราการส่งถึงและลดความเสี่ยงจากการถูกมองเป็นสแปมก็สำคัญไม่แพ้กัน มาเรียนรู้วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการส่งให้อีเมลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
ปัจจัยที่ทำให้อีเมลส่งถึงลูกค้าสำเร็จ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อีเมลถึงมือลูกค้าคือ Sender Reputation และ Engagement Rate หากเราดูแลชื่อเสียงในการเป็นผู้ส่งที่ดี ไม่ส่งสแปมหรือเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็จะเพิ่มโอกาสที่อีเมลจะถึงกล่องขาเข้าของลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้การสร้าง Engagement ที่ดีผ่านเนื้อหาที่มีคุณภาพ ข้อเสนอที่ลูกค้าสนใจ ก็จะช่วยให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับอีเมลมากขึ้น ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพของอีเมลด้วย
การหลีกเลี่ยงถูกกรองเป็นสแปมและการร้องเรียน
การหลีกเลี่ยงถูกจัดเป็นสแปมมีความสำคัญมาก ต้องรักษาอัตรา Bounce Rate ให้ต่ำ อัตรา Open Rate ให้สูง และหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาหรือวลีแบบสแปม นอกจากนี้ควรให้ลูกค้าสามารถยกเลิกการรับข้อมูลได้ง่าย และดูแลอีเมลลิสต์ให้สะอาดไม่มีอีเมลที่ไม่ถูกต้อง ควรใช้ Double Opt-in เพื่อยืนยันการสมัครและให้ลูกค้ากรอกข้อมูลที่ถูกต้องลงไป พร้อมทั้งอัพเดทและลบอีเมลที่ไม่ใช้งานออกไป
การรักษาชื่อเสียงและคุณภาพของอีเมลลิสต์
การรักษาคุณภาพของอีเมลลิสต์เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาชื่อเสียงและประสิทธิภาพในการทำการตลาดอีเมล ต้องไม่ซื้อหรือเช่าอีเมลลิสต์เด็ดขาด เน้นการได้อีเมลมาแบบออแกนิคผ่านแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ ส่งอีเมลสม่ำเสมอเพื่อรักษาการมีส่วนร่วมให้คงที่ และอย่าลืมส่งอีเมลต้อนรับใหม่เพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในช่วงแรก อีเมลลิสต์ที่มีคุณภาพและมีการเปิดอ่านสูงจะช่วยส่งเสริมชื่อเสียงในการเป็นผู้ส่งที่ดี
วัดผลและปรับปรุงประสิทธิภาพอีเมลให้ดียิ่งขึ้น
เราไม่ควรหยุดเพียงแค่การสร้างและส่งอีเมลดีๆ เท่านั้น แต่ต้องวิเคราะห์และปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น มาเรียนรู้การวัดผลและใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นกันเถอะ
เมตริกสำคัญที่ควรวัดผลแคมเปญอีเมล
เพื่อติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญอีเมล ควรวัดผลเมตริกที่สำคัญเหล่านี้:
- Open Rate – อัตราการเปิดอ่านอีเมล
- Click-through Rate (CTR) – อัตราการคลิกลิงก์
- Conversion Rate – อัตราการคอนเวิร์ต เช่น การซื้อสินค้า
- Bounce Rate – อัตราการตีกลับของอีเมล
- Unsubscribe Rate – อัตราการยกเลิกรับข้อมูล
Shopify Email Analytics ให้ข้อมูลเมตริกเหล่านี้อย่างละเอียดเพื่อให้เราใช้วิเคราะห์และปรับปรุงแคมเปญต่อไปในอนาคตได้
การใช้ Customer Segment เพื่อปรับปรุง Engagement
การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามคุณลักษณะหรือพฤติกรรมที่แตกต่างกัน จะช่วยให้เราส่งอีเมลที่เฉพาะเจาะจงและตรงใจลูกค้ามากขึ้น Shopify มีฟีเจอร์ Customer Segmentation ที่ช่วยให้เราแบ่งกลุ่มลูกค้าได้ง่าย เช่น แบ่งตามความถี่ในการซื้อ มูลค่าการซื้อ ความสนใจสินค้า เป็นต้น เพื่อส่งข้อมูลและข้อเสนอที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเปิดอ่านและคลิกลิงก์ได้มากขึ้น รวมถึงลดอัตราการยกเลิกการรับข้อมูลด้วย
กรณีศึกษาและตัวอย่างแคมเปญอีเมลที่ได้ผลดี
- อีเมลแนะนำสินค้าใหม่พร้อมส่วนลดพิเศษ
- อีเมลส่งโปรโมชั่นและคูปองส่วนลดตามเทศกาล
- อีเมลข่าวสาร ไกด์ หรือบทความที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า
- อีเมลเชิญชวนให้เข้าร่วมอีเวนท์ต่างๆ ของร้านค้า
- อีเมลติดตามผลหลังการซื้อ ขอรีวิว และให้ความช่วยเหลือ
บทสรุป
Email Marketing ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมธุรกิจ SMEs และ Shopify Email ช่วยให้เราสามารถเริ่มใช้การตลาดอีเมลได้ง่ายๆ ด้วยเครื่องมือและการเชื่อมต่อที่ลงตัวกับร้านค้า ปัจจุบันทุกธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการทำการตลาดอีเมลเพื่อสร้างการเติบโตและความสัมพันธ์กับลูกค้าในยุคดิจิทัลนี้ อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งอย่าง Cipher เพื่อวาง กลยุทธ์การตลาด อีเมลที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
สนใจบริการ
คำถามที่พบบ่อย
Shopify Email เหมาะกับธุรกิจประเภทไหน ?
Shopify Email เหมาะสำหรับธุรกิจ SMEs และ Startup ทุกประเภทที่มีร้านค้าออนไลน์บน Shopify และต้องการเริ่มทำ Email Marketing แต่ยังไม่มีเครื่องมือหรืองบประมาณมาก
Shopify Email ดีกว่า MailChimp และเครื่องมืออื่นๆ อย่างไร ?
Shopify Email มีความเชื่อมต่อกับระบบร้านค้า Shopify ได้โดยตรง ใช้งานง่ายกว่า และมีเทมเพลตที่สวยงามและปรับแต่งง่ายกว่า ในราคาที่คุ้มค่ากว่า
ต้องใช้ทักษะด้านการออกแบบหรือเขียนโปรแกรมเพื่อใช้ Shopify Email หรือไม่ ?
ไม่จำเป็นต้องมีทักษะพิเศษ เพราะ Shopify Email ใช้งานง่ายด้วยระบบ Drag & Drop ในการสร้างอีเมล และมีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกใช้ได้เลย เพียงใส่เนื้อหาและ ปรับแต่งการออกแบบ Shopify เล็กน้อยตามต้องการ
สามารถเชื่อมต่อ Shopify Email เข้ากับระบบอื่นๆ ได้หรือไม่ ?
สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบ CRM หรือแอปอื่นๆ ผ่าน Shopify App Store ได้ เพื่อจัดการข้อมูลลูกค้าร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น