ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็เป็นเรื่องที่ทุกคนทำอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะต้องการคำตอบสำหรับคำถามอะไรก็ตาม เรามักพึ่งพาเครื่องมือค้นหาอย่าง Search Engine เพื่อช่วยให้เจอข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เสิร์ชเอนจิน คือ เครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ และยิ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ หากเข้าใจหลักการทำงานและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม ก็สามารถใช้ Search Engine เป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้าได้ไม่ยาก ซึ่งทาง Cipher เองก็มีบริการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Search Engine ต่าง ๆ
Table of Contents
Search Engine คืออะไร?
Search Engine คือ โปรแกรมหรือเครื่องมือที่ช่วยค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่รวบรวมเว็บไซต์ เนื้อหา รูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์มัลติมีเดียต่าง ๆ จากทั่วโลก เพื่อนำมาแสดงผลในรูปแบบของหน้าผลการค้นหาให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งานกรอกเข้าไป ช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาเป็นอย่างมาก Search Engine ที่คนทั่วโลกนิยมใช้มากที่สุดก็คือ Google ซึ่งถือเป็น Search Engine อันดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมี Bing, Yahoo, Baidu เป็นต้น
หลักการทำงานของ Search Engine
หลักการทำงานของเสิร์ชเอนจินมีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ดังนี้!
- การรวบรวมข้อมูล (Crawling): ใช้โปรแกรม Crawler หรือ Spider ในการท่องไปตามลิงก์เว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและเนื้อหาไว้ในฐานข้อมูลของ Search Engine
- การจัดการข้อมูล (Indexing): นำข้อมูลที่รวบรวมมาได้มาจัดเรียง จัดหมวดหมู่ ตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งาน เมื่อมีคนค้นหาจะได้นำข้อมูลมาแสดงผลได้ถูกต้องและรวดเร็ว
- การจัดอันดับ (Ranking): ใช้อัลกอริทึมในการวิเคราะห์และจัดลำดับเว็บไซต์ โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น ความเกี่ยวข้องของเนื้อหากับคีย์เวิร์ด คุณภาพของเว็บไซต์ ประสบการณ์ผู้ใช้ เป็นต้น เพื่อให้ผลการค้นหามีความแม่นยำและเป็นประโยชน์สูงสุด
อัลกอริธึมของ Search Engine มีอะไรบ้าง?
อัลกอริธึมของเสิร์ชเอนจิน คือ กลไกสำคัญที่ใช้ในการประมวลผลและจัดอันดับเว็บไซต์ โดยมีการพัฒนาและอัปเดตอยู่ตลอดเวลาเพื่อช่วยให้ผลการค้นหามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อัลกอริธึมสำคัญของ Google ที่ควรรู้จัก ได้แก่
Panda
อัลกอริธึมที่คอยตรวจจับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่มีคุณภาพ เป็นเนื้อหาซ้ำซากจากเว็บอื่น หรือมีการทำ Keyword Stuffing คือการใส่คีย์เวิร์ดลงไปในเนื้อหาแบบจงใจและไม่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลการค้นหาให้ดีขึ้น
Hummingbird
อัลกอริธึมที่ช่วยให้ Search Engine เข้าใจความหมายและเจตนาในการค้นหาของผู้ใช้มากขึ้น แทนที่จะยึดติดกับตัวอักษรของคีย์เวิร์ด ทำให้สามารถแสดงผลการค้นหาได้ตรงใจมากยิ่งขึ้น แม้ผู้ใช้จะสะกดผิดหรือใช้คำไม่ตรงก็ตาม
Pigeon
อัลกอริธึมที่เน้นผลการค้นหาแบบเจาะจง Local Search มากขึ้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นปรากฏบนผลการค้นหาได้ง่ายขึ้น โดยคำนึงถึงปัจจัยอย่าง ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของผู้ค้นหา ข้อมูลของธุรกิจ รวมถึงรีวิวจากลูกค้า
Mobile Friendly Update
อัลกอริธึมที่ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่รองรับการแสดงผลบนมือถือ ตอบสนองต่อพฤติกรรมการเสิร์ชข้อมูลผ่านสมาร์ตโฟนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยจัดอันดับเว็บไซต์ที่ใช้งานบนมือถือได้ดีให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา
ประเภทของ Search Engine
ปัจจุบันเสิร์ชเอนจิน มีอยู่หลากหลายประเภทและรูปแบบ เพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันไป บางเจ้าอาจเน้นที่เว็บไซต์ บ้างก็เจาะไปที่รูปภาพหรือวิดีโอ โดยสามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
Search Engine แบ่งตามประเภทของข้อมูล
ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมีอยู่หลายรูปแบบ ทำให้ Search Engine ถูกแบ่งย่อยออกไปเพื่อให้เหมาะสมกับข้อมูลแต่ละประเภท ดังนี้
- Web Search Engine: ใช้ค้นหาเว็บไซต์ หน้าเว็บเพจต่าง ๆ
- Image Search Engine: ใช้ค้นหารูปภาพ
- Video Search Engine: ใช้ค้นหาวิดีโอคลิป
- Local Search Engine: ค้นหาข้อมูลเฉพาะพื้นที่ เช่น ธุรกิจ สถานที่ ร้านอาหาร
Search Engine แบ่งตามลักษณะของเครื่องมือ
นอกจากแบ่งตามประเภทข้อมูลแล้ว Search Engine ยังถูกจัดกลุ่มตามเทคโนโลยีและกลไกการทำงาน ได้แก่
- Crawler-based Search Engine: ใช้โปรแกรม Crawler ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทั่วอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง แล้วนำมาสร้างดัชนีไว้ในฐานข้อมูลของตัวเอง เช่น Google, Bing
- Web Directory: จัดทำสารบัญเว็บไซต์ตามหมวดหมู่ เพื่อให้ค้นหาได้ง่ายขึ้น เช่น Yahoo Directory
- Meta Search Engine: ไม่ได้มีฐานข้อมูลเป็นของตัวเอง แต่ทำงานร่วมกับเสิร์ชเอนจินอื่น ๆ และรวบรวมผลการค้นหาจากหลายแหล่งมาแสดงในที่เดียว เช่น DogPile, WebCrawler
- Hybrid Search Engine: ผสมผสานการทำงานระหว่าง Crawler-based และ Web Directory เข้าด้วยกัน เช่น MSN Search
Search Engine มีประโยชน์อย่างไรต่อการทำการตลาดออนไลน์?
Search Engine คือ เครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำการตลาดออนไลน์ยุคปัจจุบัน เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นที่ผู้บริโภคใช้ในการค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อเสิร์ชเอนจินจึงเปรียบเสมือนประตูสู่โลกออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประโยชน์ของเสิร์ชเอนจินต่อการตลาดออนไลน์ มีดังนี้
- เพิ่มการเข้าถึง (Visibility) เมื่อเว็บไซต์ของเราติดอยู่ในหน้าแรก ๆ ของผลการค้นหา ก็จะทำให้คนเห็นและรู้จักแบรนด์เรามากขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายได้ดี
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด เพราะคนที่ค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของเรา ก็มีแนวโน้มสูงที่จะสนใจซื้อ Search Engine จึงเป็นการคัดกรองลูกค้าที่มีโอกาสแปลงเป็นยอดขายได้จริง
- ประหยัดต้นทุน การทำ SEO บนเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับการค้นหานั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ต่างจากการทำโฆษณาแบบเสียเงิน ทำให้สามารถลดต้นทุนทางการตลาดได้มาก
- สร้างความน่าเชื่อถือ เว็บไซต์ที่ติดอันดับต้น ๆ บน Search Engine ส่วนใหญ่จะถูกมองว่ามีความน่าเชื่อถือ เพราะแสดงให้เห็นถึงการลงทุนและความใส่ใจในคุณภาพ ซึ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์
Search Engine กับการทำการตลาดออนไลน์
การทำการตลาดบน Search Engine แบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ SEO และ Google Ads ซึ่งต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและงบประมาณของธุรกิจ
SEO (Search Engine Optimization)
คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ให้ถูกอัลกอริธึมของ Search Engine เพื่อให้ติดอันดับการค้นหาในตำแหน่งที่ดี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เน้นที่การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ รวมถึงการทำให้เว็บไซต์เป็นมิตรต่อ Search Engine SEO เป็นการลงทุนระยะยาว ต้องใช้เวลาสะสมจึงจะเห็นผล แต่ก็สามารถสร้าง Organic Traffic ได้อย่างยั่งยืน
Google Ads
คือ การซื้อโฆษณาจาก Google เพื่อแสดงบนหน้าแรกของผลการค้นหาเมื่อมีคนค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่กำหนดไว้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเป็นรายคลิก (Pay-Per-Click) Google Ads สามารถสร้าง Traffic ได้อย่างรวดเร็ว มีเครื่องมือให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ แต่ก็ต้องเสียงบประมาณค่อนข้างสูง และจะได้ผลเฉพาะช่วงที่ยังลงโฆษณาอยู่เท่านั้น
6 อันดับของ Search Engine ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
ถึงแม้ Google จะครองความเป็นหนึ่งในตลาด Search Engine มาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังมี Search Engine อื่น ๆ ที่น่าสนใจและได้รับความนิยมในแต่ละประเทศ ดังนี้
1. Google
เจ้าตลาด Search Engine ระดับโลกที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 90% มาพร้อมกับฟีเจอร์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการค้นหาด้วยเสียง การค้นหาด้วยรูปภาพ แผนที่ วิดีโอ ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน อัลกอริทึมมีความแม่นยำสูง เป็นมาตรฐานของ Search Engine ในปัจจุบัน
2. Bing
Search Engine จากค่าย Microsoft ที่พยายามชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Google ด้วยดีไซน์หน้าตาที่สวยงาม ฟีเจอร์ที่แปลกใหม่ และความสามารถในการค้นหาเฉพาะด้าน เช่น ด้านการท่องเที่ยว อาหาร สุขภาพ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 2-3%
3. Yahoo
แม้จะเสื่อมความนิยมลงไปมากเมื่อเทียบกับอดีต แต่ Yahoo ก็ยังเป็น Search Engine ที่คนรู้จักและมีส่วนแบ่งการตลาดพอสมควร โดยเฉพาะในหมวด News, Finance และ Sports ที่มีเนื้อหาเป็นของตัวเอง ปัจจุบัน Yahoo ใช้ระบบการค้นหาจาก Bing มาผนวกกับของตัวเอง
4. Yandex
Search Engine ยอดนิยมในประเทศรัสเซีย มีส่วนแบ่งการตลาดในรัสเซียกว่า 60% มาพร้อมกับอินเตอร์เฟซที่รองรับภาษารัสเซีย เน้นการค้นหาเนื้อหาและสื่อในท้องถิ่น ปัจจุบันได้ขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรปตะวันออกด้วย
5. DuckDuckGo
Search Engine ทางเลือกสำหรับคนที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะจะไม่มีการเก็บข้อมูลหรือติดตามผู้ใช้ ให้ผลการค้นหาเหมือนกันสำหรับทุกคน ไม่มีการปรับผลการค้นหาตามข้อมูลส่วนตัว อินเตอร์เฟซเรียบง่าย ปราศจากโฆษณา เน้นความเป็นกลางและเสรีภาพในการค้นหาข้อมูล
6. Baidu
Search Engine ยักษ์ใหญ่ของจีน มีส่วนแบ่งการตลาดในจีนกว่า 70% ให้บริการเฉพาะในจีนและรองรับเฉพาะภาษาจีนเท่านั้น มีบริการที่หลากหลายคล้าย Google แต่เน้นไปที่เนื้อหาและบริการในประเทศจีน เช่น การค้นหาเพลง ซีรีส์ ละคร หนังสือ
แนะนำเทคนิคการใช้งาน Google เพื่อทำการตลาดออนไลน์
ด้วยความเป็นผู้นำในตลาด Search Engine ทำให้หลายธุรกิจให้ความสำคัญกับ Google เป็นพิเศษ หากต้องการใช้ Google เพื่อผลักดันธุรกิจออนไลน์ ต่อไปนี้คือเทคนิคที่น่าสนใจ
- ทำ Keyword Research ให้ดี ศึกษาว่ากลุ่มเป้าหมายของเราใช้คำค้นหาแบบไหน แล้วนำมาสร้างเนื้อหาและปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์
- สร้างเนื้อหา (ทำคอนเทนต์) ที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ เพราะ Google ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหาเป็นอย่างมากในการจัดอันดับ
- ทำเว็บไซต์ให้รองรับ Mobile เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้งาน Google ผ่านมือถือ หากเว็บไม่รองรับการแสดงผลบนมือถือจะส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ
- สร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เพราะการมีลิงก์จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออื่นๆ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ Google
- ใช้ Google Search Console เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้เราเช็กสถานะเว็บไซต์ ปรับแต่ง และแก้ไขข้อผิดพลาด เพื่อให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับ Google มากขึ้น
- ลงโฆษณาผ่าน Google Ads เพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าแรกในตำแหน่งโฆษณา เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ทันที และมีงบประมาณในการลงโฆษณา
หากคุณกำลังมองหามืออาชีพ ให้บริการทำ SEO ทำไมต้องเลือกใช้บริการ Cipher?
หากต้องการให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณเติบโตไปได้ไกลด้วยพลังของ Search Engine การทำ SEO ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ แต่การทำ SEO ที่ได้ผลจริงนั้นต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก
Cipher คือ บริษัทรับทำ SEO และการตลาดออนไลน์ ที่มากด้วยประสบการณ์ในการดูแลและพัฒนาระบบให้แก่แบรนด์ชั้นนำระดับประเทศมากมาย เราเข้าใจความต้องการและวิธีจัดการทางด้านออนไลน์อย่างมืออาชีพทุกรูปแบบและทุกช่องทาง ด้วยทีมงานที่มีคุณภาพและมากประสบการณ์ พร้อมคอยให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในด้านการวางแผนและกลยุทธ์ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดและทำให้ธุรกิจของคุณก้าวล้ำนำคู่แข่งบนโลกออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน
สรุป
Search Engine คือ เครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกยุคดิจิทัล ไม่ใช่แค่เพื่อการค้นหาข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหา รวมถึงการทำโฆษณาบน Search Engine เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ซึ่งการทำการตลาดบน Search Engine อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นอย่างมาก
Cipher พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์คุณ ด้วยบริการทำ SEO โดยทีมงานมืออาชีพ ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในหน้าแรก ๆ ของเสิร์ชเอนจิน สร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างยั่งยืน หากสนใจสามารถติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษา และใช้บริการได้แล้ววันนี้
คำถามที่พบบ่อย
Search Engine ที่นิยมมีอะไรบ้าง?
Search Engine ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุSearch Engine ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ได้แก่
- Google – เป็น Search Engine อันดับ 1 ของโลก ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 90%
- Bing – Search Engine จากค่าย Microsoft มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 2-3%
- Yahoo – แม้จะลดความนิยมลง แต่ก็ยังติดอันดับ Search Engine ยอดนิยม
- Baidu – Search Engine ยักษ์ใหญ่ของจีน มีส่วนแบ่งในจีนกว่า 70%
Search Engine มีกี่ประเภทอะไรบ้าง?
Search Engine สามารถแบ่งได้หลายประเภทตามลักษณะการทำงานและประเภทของข้อมูล โดยหลัก ๆ จะมี
- Crawler-based Search Engine – ใช้โปรแกรม Crawler ในการเก็บข้อมูลและสร้างดัชนี
- Web Directory – จัดทำสารบัญเว็บไซต์ตามหมวดหมู่
- Meta Search Engine – รวบรวมผลการค้นหาจาก Search Engine หลาย ๆ เจ้ามาไว้ด้วยกัน
- รวมถึงการแบ่งตามประเภทข้อมูล เช่น Web Search, Image Search, Video Search, Local Search เป็นต้น
Web Browser Engine คืออะไร?
Web Browser Engine คือ โปรแกรมหรือส่วนประกอบของเว็บเบราว์เซอร์ที่ทำหน้าที่แปลงภาษา HTML และ CSS ให้กลายเป็นหน้าเว็บไซต์ที่เราเห็น เช่น Chrome ใช้ Blink, Firefox ใช้ Gecko, Safari ใช้ Webkit เป็นต้น Web Browser Engine เป็นคนละส่วนกับ Search Engine โดย Search Engine จะทำหน้าที่ค้นหาเว็บไซต์ ในขณะที่ Web Browser Engine ทำหน้าที่แสดงผลเว็บไซต์บนเบราว์เซอร์
ขั้นตอนการใช้งาน Search Engine มีอะไรบ้าง?
การใช้งาน Search Engine นั้นมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- เข้าไปยังเว็บไซต์ Search Engine ที่ต้องการ เช่น www.google.com
- ใส่คำค้นหา (Keyword) ที่ต้องการลงในช่องค้นหา จากนั้นกด Enter หรือปุ่มค้นหา
- รอให้ Search Engine ประมวลผล และแสดงหน้าผลการค้นหา (Search Results Page)
- เลือกคลิกไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการจากผลการค้นหา
- หากผลการค้นหายังไม่ตรงใจ ให้ลองเปลี่ยน Keyword ใหม่ แล้วค้นหาซ้ำอีกครั้ง
