Table of Contents
การตลาดในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การตลาดแบบ Pay-Per-Performance กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรมและคุ้มค่ากับงบประมาณที่ลงทุนไป Cipher ในฐานะ Paid Search Marketing Agency ชั้นนำของไทย พร้อมแนะนำเคล็ดลับและกลยุทธ์การทำการตลาดแบบวัดผลได้เพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ
Pay-Per-Performance คืออะไร?
การตลาดแบบ Pay-Per-Performance หรือ Performance Marketing คือการทำการตลาดแบบวัดผลได้ โดยที่ผู้ประกอบการจ่ายค่าโฆษณาตามผลลัพธ์ที่ได้รับจริง ๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นยอดคลิก (Pay-Per-Click) ยอดการสมัครสมาชิก หรือยอดการซื้อสินค้า ซึ่งแตกต่างจากการตลาดแบบดั้งเดิมที่จ่ายเงินไปก่อนโดยไม่รู้ว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างไร
ในฐานะ Pay-Per-Click Advertising Agency ที่มีประสบการณ์ Cipher เข้าใจดีว่าการตลาดแบบนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะจ่ายเงินตามผลงานที่ได้จริง ทำให้ลดความเสี่ยงในการลงทุนด้านการตลาดลงได้อย่างมาก
ความแตกต่างระหว่าง Performance Marketing กับ Digital Marketing
หลายคนอาจสงสัยว่า การตลาดแบบ Pay-Per-Performance แตกต่างจาก Digital Marketing อย่างไร ความจริงแล้ว Performance Marketing ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Digital Marketing แต่มีจุดเน้นที่แตกต่างกัน ดังนี้:
- Performance Marketing เน้นการวัดผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยใช้ตัวชี้วัด (Metrics) ที่ส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจ เช่น การสร้าง Lead, อัตราการซื้อ (Conversion) หรือยอดขายโดยตรง
- Digital Marketing มีขอบเขตที่กว้างกว่า ครอบคลุมทั้งการสร้างการรับรู้ (Awareness), การสร้างแบรนด์ (Branding), การสร้างความน่าเชื่อถือ (Credibility) และรวมถึงการสร้างยอดขายด้วย
โดยสรุป Digital Marketing มองภาพรวมที่กว้างกว่า ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ไปจนถึงการขาย ในขณะที่ การตลาดแบบ Pay-Per-Performance จะโฟกัสเฉพาะการสร้าง Lead และการขายเป็นหลัก อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนผสมทางการตลาด (Marketing Mix) และการประยุกต์ใช้ ซึ่งทีม Pay-Per-Click Experts ของ Cipher มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ
ข้อดีของการตลาดแบบ Pay-Per-Performance
การทำ การตลาดแบบ Pay-Per-Performance มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจในยุคปัจจุบัน Cipher ในฐานะ Paid Search Marketing Agency ชั้นนำได้รวบรวมข้อดีของการตลาดรูปแบบนี้ไว้ดังนี้:
- ช่วยวางแผนงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ – ธุรกิจสามารถกำหนดงบประมาณที่ต้องการได้ชัดเจน และจ่ายเงินเฉพาะเมื่อได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการเท่านั้น
- วัดผลได้อย่างชัดเจน – สามารถติดตามผลลัพธ์ได้แบบ Real-time ว่าเงินที่ลงทุนไปนั้นได้ผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน
- ปรับแก้กลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว – หากพบว่าแคมเปญไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง สามารถหยุดหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันที ไม่ต้องรอให้จบแคมเปญก่อน
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น – แพลตฟอร์มดิจิทัลมีเครื่องมือในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียด ทำให้โฆษณาถูกส่งไปยังคนที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการของคุณจริง ๆ
- ลดความเสี่ยงในการลงทุนด้านการตลาด – เนื่องจากจ่ายเงินตามผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเงินโดยไม่ได้อะไรกลับมา
ระบบค่าตอบแทนตามผลงานกับการตลาดแบบ Pay-Per-Performance
ระบบ Pay for Performance ที่ดีจะต้องมีการเชื่อมโยงผลงานกับรางวัลหรือค่าตอบแทนอย่างชัดเจน หลายองค์กรพยายามนำระบบนี้มาใช้ แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือยังยึดติดกับความคิดแบบเดิม ๆ
ในการทำ การตลาดแบบ Pay-Per-Performance ที่มีประสิทธิภาพ ควรมีการพัฒนาระบบตอบแทนผลงานที่ชัดเจน ซึ่งมี 3 รูปแบบหลักที่ถือว่าเป็นระบบ Pay for Performance ได้แก่:
- การขึ้นเงินเดือนตามผลงาน – เป็นระบบคลาสสิคที่ตอบแทนผลงานพนักงาน โดยพิจารณาจากผลลัพธ์การทำงาน พฤติกรรมการทำงาน และศักยภาพของพนักงาน
- ระบบโบนัสตามผลงาน – เป็นการแบ่งปันผลกำไรให้กับพนักงานตามผลงานที่ทำได้ ซึ่งควรเชื่อมโยงกับผลประกอบการขององค์กรอย่างชัดเจน
- ระบบ Incentive ตามผลงาน – เป็นระบบที่ตอบแทนผลงานได้ตรงจุดมากที่สุด เพราะพนักงานจะได้รับ Incentive ก็ต่อเมื่อทำผลงานได้ตามเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ และจะนำผลงานที่ได้มาคำนวณเงินตอบแทน
แนวคิดนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ การตลาดแบบ Pay-Per-Performance ได้อย่างลงตัว โดย Pay-Per-Click Experts ของ Cipher จะช่วยออกแบบระบบการวัดผลและการจ่ายค่าโฆษณาที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ขั้นตอนการทำการตลาดแบบ Performance Marketing
การทำ การตลาดแบบ Pay-Per-Performance ให้ประสบความสำเร็จ มีขั้นตอนสำคัญดังนี้:
- วางแผนและกำหนดเป้าหมาย – กำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการจากการทำแคมเปญอย่างชัดเจน เช่น ต้องการยอดคลิก ยอดสมัครสมาชิก หรือยอดการซื้อสินค้า และศึกษาเงื่อนไขการจ่ายเงินแต่ละรูปแบบให้เข้าใจ
- เลือกช่องทางในการทำการตลาด – ศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับพฤติกรรมเหล่านั้น เช่น Display Ads, Native Ads, Search Engine Marketing, Social Media Marketing, หรือ Affiliate Marketing
- เตรียมคอนเทนต์ที่เหมาะสม – สร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายและแพลตฟอร์มที่เลือกใช้
- ติดตามผลและปรับปรุงแคมเปญ – ติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด
- ประเมินผลและหาแนวทางพัฒนา – หลังจบแคมเปญ ให้ทำการสรุปและประเมินผลการดำเนินงาน นำผลลัพธ์ที่ได้มาเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้ และหาแนวทางปรับปรุงสำหรับแคมเปญในอนาคต
ทีม Pay-Per-Click Experts ของ Cipher มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการทุกขั้นตอนเหล่านี้ เพื่อให้แคมเปญของคุณประสบความสำเร็จและคุ้มค่ากับการลงทุน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการทำ Performance Marketing
เพื่อให้การทำ การตลาดแบบ Pay-Per-Performance ประสบความสำเร็จ มีปัจจัยสำคัญที่ควรให้ความสนใจ ดังนี้:
- ความชัดเจนของเป้าหมายการทำงาน – เป้าหมายการทำงานต้องชัดเจน วัดผลได้ และเชื่อมโยงกับเป้าหมายขององค์กร
- ระบบการประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพ – ต้องมีระบบที่สามารถประเมินผลงานได้อย่างเป็นธรรมและโปร่งใส โดยดูจากผลงานจริง ๆ ไม่ใช่จากความรู้สึกหรือความชอบส่วนตัว
- การบริหารผลงานอย่างเป็นระบบ – มีการกำหนดเป้าหมาย ติดตามผลงาน ให้ข้อเสนอแนะ และสอนงานอย่างสม่ำเสมอ
- การพิจารณาผลงานรอบด้าน – พิจารณาทั้งผลลัพธ์การทำงาน พฤติกรรมการทำงาน และศักยภาพของพนักงาน
- การเชื่อมโยงผลงานกับค่าตอบแทนอย่างชัดเจน – ต้องมีความชัดเจนว่าผลงานแบบไหนจะได้รับค่าตอบแทนอย่างไร เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Cipher ในฐานะ Pay-Per-Click Advertising Agency ที่มีประสบการณ์ เข้าใจถึงปัจจัยเหล่านี้เป็นอย่างดี และพร้อมนำความเชี่ยวชาญมาประยุกต์ใช้กับการทำแคมเปญการตลาดของคุณ
แพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการทำ Performance Marketing
การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จของการทำ การตลาดแบบ Pay-Per-Performance ซึ่งแพลตฟอร์มที่นิยมใช้สามารถแบ่งตามประเภทของโฆษณาได้ดังนี้:
- Digital Ads: Google Marketing Platform, Choozle
- Native Ads: Taboola, Facebook Audience Network
- Search Engine Marketing: Google AdWords, Bing Ads, Yahoo Ads
- Social Media Marketing: Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, LinkedIn
- Affiliate Marketing: CJ Affiliate, Shareasale
ทีม Pay-Per-Click Experts ของ Cipher จะช่วยวิเคราะห์และแนะนำแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับการลงทุน นอกจากนี้ เรายังมีบริการ Social Media Management ที่ช่วยดูแลและบริหารจัดการโซเชียลมีเดียของคุณอย่างครบวงจร
บริการของ Cipher สำหรับการทำ Performance Marketing
Cipher เป็นบริษัทเอเจนซี่ Digital Marketing แบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญในฐานะ Paid Search Marketing Agency และมีทีม Pay-Per-Click Experts ที่มีประสบการณ์สูง โดยเรามีบริการดังนี้:
- กลยุทธ์ Pay-Per-Click (PPC) – วางแผนและดำเนินการแคมเปญ Pay-Per-Click บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Facebook Ads, หรือ LinkedIn Ads ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ดูรูปแบบ Pay-Per-Performance Agency ต่าง ๆ
- การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา (SEM) – บริหารโฆษณาบนเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ เพื่อให้แบรนด์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาอันดับต้น ๆ และได้รับคลิกที่มีคุณภาพ
- การปรับแต่ง SEO เชิงประสิทธิภาพ – ปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือค้นหาแบบออร์แกนิก เพื่อเพิ่มทราฟฟิกและลดต้นทุนการทำโฆษณาในระยะยาว
- Remarketing และ Retargeting – วางแผนและดำเนินการแคมเปญเพื่อติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้าชมเว็บไซต์แต่ยังไม่ได้ซื้อสินค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
- การวิเคราะห์และปรับปรุงแคมเปญ – ติดตาม วิเคราะห์ และปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่สูงที่สุด
- รายงานผลการดำเนินงานที่ชัดเจน – จัดทำรายงานผลการดำเนินงานที่ครอบคลุมและเข้าใจง่าย พร้อมข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแคมเปญในอนาคต
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ Cipher พร้อมช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบ Pay-Per-Performance ที่วัดผลได้และคุ้มค่ากับการลงทุน
สรุป
คำถามที่พบบ่อย
Performance Marketing คืออะไร?
Performance Marketing คือ การทำการตลาดที่มุ่งเน้นการวัดผลและจ่ายเงินตามผลลัพธ์ที่ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นยอดคลิก (Pay-Per-Click) ยอดการสมัครสมาชิก (Pay-Per-Lead) หรือยอดการซื้อสินค้า (Pay-Per-Sale) ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมงบประมาณและวัดความคุ้มค่าของการลงทุนได้อย่างชัดเจน