Table of Contents
บริษัทของคุณกำลังตัดสินใจที่จะใช้ระบบร้านค้าออนไลน์แบบ Magento อยู่รึเปล่า? แล้วคุณรู้หรือไม่ ว่าระบบ Magento นั้น มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? หากคุณยังไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับมัน มาดูกันดีกว่า ว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง ที่จะส่งผลกระทบกับราคาที่ต้องจ่ายให้ของระบบ Magento
ถ้าจะถามว่า “ทำไม” คนถึงนิยมเลือกใช้ระบบ ”Magento”? ตอบได้เลยทันทีก็ว่าเป็นเพราะฟังก์ชันการทำงานที่น่าทึ่งของมันรวมถึงมีข้อดีต่างๆ ของ Magento และหลายคนก็ค่อนข้างมั่นใจ ว่าแทบจะไม่มีระบบไหน ที่จะได้กับระบบจาก Magento
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับเราทุกคน
เหตุผลของคนส่วนใหญ่ ก็คือ”งบประมาณ”ที่จำกัด : เพราะการพัฒนาระบบ Magento นั้น จัดว่าไม่ได้มีราคาที่ถูกเลย ด้วยความที่การสร้างระบบต้องอาศัยทักษะความเชี่ยวชาญสูง ในการสร้างระบบที่มีคุณภาพสูงด้วยเช่นกัน
คำถามเกี่ยวกับ”ค่าใช้จ่าย”ของมัน จึงเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาระบบ Magento ถูกถามอยู่เป็นประจำ!
มันไม่ง่ายเลยที่จะตั้งราคาให้กับการพัฒนาระบบ: ด้วยราคาของระบบ Magento ที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดในแต่ละปี แตกต่างกันไปตามแต่สถานที่ และราคาของมัน ก็แตกต่างกันอย่างมากจากการเลือกใช้ทรัพยากรข้อมูลที่อาจมีพร้อมสำหรับการใช้งาน ในแต่ละโปรเจก
เป้าหมายของบทความนี้ ไม่ใช่แค่การให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาของระบบ Magento เท่านั้น
แต่เราอยากจะอธิบายว่า “ทำไม” ระบบ Magento ถึงได้มีราคาเท่านี้ ทำไมคุณจึงไม่ควรที่จะต่อราคาอย่างเอาเป็นเอาตาย เรื่องเหล่าคุณควรจะต้อง ก่อนที่จะต้องมานั่งร้องไห้ที่หลัง
เพราหากคุณหาข้อมูลเหล่านี้ไว้บ้าง มันอาจทำให้คุณ ได้มีเวลาคำนวณงบประมาณ สำหรับการสร้างร้านค้าออนไลน์ของคุณ ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา “เซอร์ไพรส์” คุณทีหลังได้
เรื่องราวอะไรบ้าง ที่เราจะพูดคุยกันในบทความนี้ :
Magento Community vs. Magento Enterprise Edition
- อะไรบ้างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการใช้งาน Extensions
- Magento 1 vs. Magento 2
- การพัฒนาระบบด้วยทีมงานในองค์กร การพัฒนาด้วยบุคคลที่สาม
- การพัฒนาระบบด้วยทีมงานแบบ In-house มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
- เอเจนซี่รับพัฒนาระบบ งานจากฟรีแลนซ์
- ความน่าเชื่อถือ
- คุณภาพ
- ประสบการณ์และขั้นตอนการทำงานที่มีความชำนาญ
- การกำหนดราคาระบบ Magento โดยเอเจนซี่
- อะไรที่คุณควรคำนึงถึงเสมอ (เกี่ยวกับการเสนอราคา และปัจจัยอื่น ๆ )
- ราคาของบริการHosting สำหรับระบบ Magento
- ประเภทของราคา สำหรับระบบMagento
- ราคาขั้นต่ำสุด (Low-End Magento Store)
- ราคาขั้นพื้นฐาน (Magento Store)
- กำหนดการใช้งานเองได้ (Custom Magento Store)
- สำหรับองค์กรใหญ่ (Magento Enterprise store)
คำถามจริง ๆ คือ: อะไร คือสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ สำหรับคุณ?
Magento Community vs. Magento Enterprise Edition
ก่อนอื่นเลยคุณควรที่จะตัดสินใจว่าระบบ Magento แพคเกจไหนที่คุณต้องการ เพราะมันจำเป็นมาก ที่จะช่วยให้คุณกำหนดงบประมาณได้อย่างลงตัว
อย่างที่ทราบกันดี ว่าการใช้งาน Magento Community Edition (CE) นั้น จะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่ก็จะไม่มีระบบที่ให้ความช่วยเหลือ หรือ Support ใด ๆ ที่คอยให้การสนับสนุนการใช้งาน
และแน่นอนว่า การดูแลระบบหรือการปรับแต่งฟังชั่นก์ต่าง ๆ ก็จะต้องทำด้วยตัวคุณเอง หรือทำผ่าน เอเจนซี่ หรือการจ้างงานเหล่านักพัฒนาฟรีแลนซ์
ส่วน Enterprise Edition (EE) นั้น ต้องเสียค่าใช้จ่ายราคาระบบ Magento Enterprise: เฉพาะแพคเกจ Gold Support มีราคาสูงถึง 660,000 บาทต่อปี ส่วนแพคเกจ Platinum Support package ก็จะมีราคาที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก และคุณอาจจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น ที่จะเพิ่มขึ้นตามความยุ่งยากของงานด้วย
แต่ในทางกลับกัน คุณก็จะได้รับความช่วยเหลือ การปรับปรุงแก้ไขฟังชันก์ที่จะทำให้หน้าเว็บ ของคุณทำงานรวดเร็วขึ้นทันตา รวมทั้งการจัดการกับ Database และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งการใช้งาน Community Edition แล้วอยากจะทำให้ได้ดี ในระดับเดียวกันกับ EE ก็ต้องเพิ่มการใช้งาน Extension ให้ได้ประมาณ 65 ระบบ (ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการรูปแบบเฉพาะแบบไหน)
แล้วหลังจากที่มีการเปิดตัว Magento 2 แล้ว การใช้ licenses สำหรับ Magento 1 Enterprise Edition อันใหม่ก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นานเช่นกัน
สำหรับเรื่องนี้ “Renato Medina” ได้บอกเล่าข้อมูล ที่มีการศึกษาเกี่ยวกับระบบราคาใหม่ เอาไว้ในบล็อกของเขา ติดตามได้ที่ MDN blog.
ค่าใช้จ่ายสำหรับ license จะขึ้นอยู่กับโมเดลรายได้ในแต่ละโมเดล เพราะยิ่งคุณมีรายได้ที่สูงเท่าใด เปอร์เซ็นต์การจ่ายเงินเพื่อเอา License แบบถาวรของคุณ ก็จะลดต่ำลงมากขึ้นเท่านั้น
ระบบร้านค้าออนไลน์ Magento 2 EE มีราคาอยู่ที 800,000 ซึ่งไม่ว่ามันจะมีการสร้างรายได้หรือไม่ เพราะหากมีคุณมีเงินรายได้มากกว่า 3 พันล้านบาท การ Support ระบบ ก็อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 7,500,000 บาท ต่อปี เลยทีเดียว
และราคาจะสูงขึ้นอีก 20% ใน Magento Platinum Package
แต่ถ้าหากไม่มีการต่ออายุ License หลังจากที่ครบหนึ่งปีแล้ว ระบบออนไลน์ของคุณก็จะยังคงทำงานตามปกติ แต่ทว่าจะไม่มีระบบความช่วยเหลือใด ๆ เพิ่มเติมเหมือนเดิม ซึ่งนั่นหมายความว่า การอัพเดททุกอย่างจะต้องทำเองโดยเจ้าของเว็บ หรือโดยนักพัฒนาคนอื่น ๆ ที่คุณจะจ้างมา
ส่วนการใช้งาน Extension ก็ยังจะสามารถซื้อเพิ่มได้แน่นอน เพียงแต่ว่า Extension ที่สามารถใช้งานได้กับ EE นั้น จะมีราคาที่สูงกว่าแบบ CE.
สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Extensions ของ Magento
การตัดสินใจเลือกว่าจะใช้งาน Extension นั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาเช่นกัน ต้องคิดให้รอบคอบว่าแบบไหนที่จำเป็นกับเรา และการที่จะเลือกแต่ละครั้งนั้น ก็ต้องมีความรู้อยู่พอสมควร ผู้เลือกก็ต้องความเข้าใจลึกซึ้งในตัวเลือกที่มี คุณสมบัติ รวมทั้งประสิทธิภาพในการทำงานของมัน ซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่ว่าเก่ง ๆ ก็ยังจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการที่จะเลือกสิ่งที่ใช่ที่สุด
ซึ่งเมื่อเลือกสิ่งที่ต้องการได้แล้ว ก็จะต้องทำการติดตั้งมันด้วย
Possible complications: Magento’s complexity can be a blessingconflicts
การติดตั้ง Extension อาจใช้เวลานานเป็นวัน แม้แต่ในช่วงที่เวลาที่เอื้ออำนวย
ว่ากันง่าย ๆ ก็คือ สมมติว่านักพัฒนามืออาชีพใช้เวลาสองชั่วโมง ในการติดตั้ง Extension ไม่ว่าจะต้องการติดตั้งแค่ 10 ระบบ จาก 60 รายการที่มี การติดตั้งนั้น ก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ชั่วโมง ซึ่งเรื่องแบบนี้ ก็ต้องมีการใช้งานคนทำงานมากขึ้น ทั้งการที่ต้องปรึกษาฝ่ายบริการ และผู้ให้บริการ Hosting หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด
ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับค่าจ้างรายชั่วโมงของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของคุณด้วยอีกที เพราะการติดตั้งแค่ไม่ถึง 10 รายการนั้น อาจจะทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายมากถึง 90,000 ขึ้นไปได้ แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เอื้ออำนวย (ซึ่งแทบจะเป็นไปได้ยากมาก)
และแค่นั้นยังไม่พอ การที่จะเพิ่มประสิทธิภาพระบบด้วย Extension อันใหม่นี้ ก็ต้องมีการเรียนรู้วิธีการที่จะใช้งานรูปแบบเฉพาะต่าง ๆ ของมัน ซึ่งก็จะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเลย
คุณสามารถหาอ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับราคาค่าตัวของนักพัฒนาซอฟต์แวร์และเอเจนซีได้ เร็ว ๆ นี้
Magento 1 vs. Magento 2
เลือกให้ดีว่า เวอร์ชั่นไหนจะเป็นเวอร์ชั่น ที่ใช่สำหรับคุณ
ปัจจุบันร้านค้าออนไลน์กว่าหนึ่งหมื่นร้าน เลือกใช้งาน Magento 1.x เวอร์ชั่นที่สามารถสร้างวงเงินรายได้ มากกว่าหลายล้านบาทต่อปี
สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะเริ่มใช้งงาน เราแนะนำให้คุณ คิดให้ดี ๆ ถึงสภาพการณ์ในระยะยาว และควรที่จะเลือกใช้งาน แพลตฟอร์มของ Magento 2
แต่ในกรณีของ Enterprise Edition, จะมีเพียงตัวเลือกสำหรับ Magento 2 เท่านั้น
จ้างทีมงานในองค์กร vs. จ้างนักพัฒนาอิสระ
หากคุณไม่ต้องการจ้างการพัฒนาระบบกับ ฟรีแลนซ์ หรือเอเจนซี่ เพื่อให้คุณสามารถทุกอย่างได้ด้วยตัวคุณเอง คุณก็จะยังต้องการ ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ มาแทนการจ้างนักพัฒนาระบบ
แม้แต่เรื่องง่าย ๆ อย่างการแก้ไขรูปร่างหน้าตา หรือเพิ่มเติมข้อกำหนดจากการใช้งานของลูกค้า คุณก็ยังจะต้องมีการว่าจ้างนักออกแบบและผู้เชี่ยวชาญด้าน UX เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้จริง ๆ
อย่างที่เราบอกได้ไปแล้ว แม้แต่การเลือกสีสันที่เหมาะสมให้เข้ากับภาพลักษณ์ ก็อาจช่วยส่งผลให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม คุณจึงต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบโดยเฉพาะ
เราจึงได้เห็นบางคน ที่ต้องทำการระบุข้อกำหนดทางธุรกิจที่สมจริงและ – กำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้า ผลิตภัณฑ์ การแข่งขัน ฯลฯ เข้าด้วยกันในบัญชี – รวมทั้งฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ ก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและจัดเตรียมคุณสมบัติต่าง ๆ สำหรับโปรเจค
ผู้เชี่ยวชาญในส่วนของ front-end จึงอาจมี ส่วนช่วยไม่มากก็น้อยสำหรับการพัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ บนหน้าตาของระบบ
ด้วยความที่มันค่อนข้างยาก ที่จะหานักพัฒนามืออาชีพที่เก่งจริง ทั้งด้าน Front-end (Javascript, HTML, CSS) และ Back-end (Magentoม PHP) เนื่องจากทั้งสองงานต้องใช้ทักษะที่แตกต่างกันอยู่มาก (การเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า ในสาขาของงานบางอย่าง จะมีข้อได้เปรียบกว่า)
และแน่นอนว่า มันก็จะมีความต้องการอื่น ๆ ตามมา เช่น ผู้จัดการโปรเจค ที่จะคอยประสานงาน ติดตามกระบวนการต่าง ๆ ในการพัฒนาระบบนั้น
และหากมีโซลูชั่นที่ต้องแก้ไข ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม คุณก็จำเป็นต้องมีการร่วมมือกับ ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นเพิ่มเติมอีก เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้าน ERP Integration หรือ หรือ ดีไซเนอร์สำหรับโมเดล 3 มิติ
การสร้างทีมงานของตนเองภายในองค์กรนั้น จึงค่อนข้างจะมีราคาที่สูง และเป็นงานที่ละเอียดอ่อน ยุ่งยาก และซับซ้อนกว่า
อย่างไรก็ตาม การสร้างทีมงานภายในองค์กรหรือ in-house team ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโปรเจคโดยเฉพาะ ก็อาจจะยังคงคุ้มค่ากว่ามาก หากคุณมีการคาดการณ์รายได้จำนวนหลายสิบล้านบาทต่อปี
การพัฒนาระบบMagento ด้วยทีมงานในองค์กรจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
จากประสบการณ์ที่ยาวนานของเรา ทำให้ได้รู้ว่าการพัฒนาระบบโดยทีมในองค์กรสำหรับ Magento แบบ CE และ EE นั้นไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมากนัก
การจ้างนักพัฒนาระดับ Junior (มีประสบการณ์น้อยปี) จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 300,000 – 420,000 ต่อปี และในระดับ Senior จะมีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า ว่ากันง่าย ๆ คือนักพัฒนาที่มีประสบการณ์อยู่บ้างจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณปีละ 600,000 บาทขึ้นไป
แล้วจากนั้นให้คุณเพิ่มค่าใช้จ่ายของ Server ซอฟท์แวร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปด้วยดู
โดยสรุปแล้ว: การสร้างทีมงานพัฒนาระบบภายในองค์กร สำหรับองค์กรที่มีขนาดใหญ่ จะคุ้มค่ากว่าเห็น ๆ แต่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กกว่ามันอาจจะไม่คุ้มค่าเงินเท่าไหร่นัก
ซึ่งแม้แต่บริษัทหรือองค์กรใหญ่ ๆ ก็มียังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้างเช่นกัน เนื่องจากการสร้างทีมของตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เพราะการที่จะให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้น สมาชิกของทีมจะต้องมีความคุ้นเคยกับคนอื่นในทีมอีก และการที่จะไว้วางใจกันได้ก็ต่อเมื่อทีมงานของคุณมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่า ทำไมการทำงานร่วมกับทีมพัฒนาระบบที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว หรือใช้บริการจาก เอเจนซี่ อาจเป็นความคิดที่ดีกว่า แม้แต่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่เองก็ตาม
Agency vs. Freelance
มีหลายแง่มุมที่ต้องคิดดูให้รอบคอบ เมื่อจะทำการตัดสินใจเลือกระหว่างสองตัวเลือกนี้ จริงอยู่ที่ว่าการทำงานกับ ฟรีแลนซ์มักจะมีราคาถูกกว่าเสมอ แต่ก็มีเหตุผลอื่น ๆ ที่ทำไมการทำงานกับเอเจนซี่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่ากันอยู่
ข้อมูลต่อไปนี้ คือส่วนที่สำคัญที่อาจจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น:
ความน่าเชื่อถือ
ความพร้อมที่จะเรียกใช้งานมักเป็นจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดของฟรีแลนซ์ เมื่อเทียบกับเอเจนซี
มันอาจจะได้เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญหรือคุณสมบัติส่วนบุคคล: แต่ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่ ฟรีแลนซ์ ของคุณเกิดมีอาการป่วยกระทันหัน และไม่สามารถทำงานให้คุณได้ดูสิ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น?
แต่ขณะเดียวกัน การทำงานในแบบของเอเจนซี่ งานแทบจะไม่มีการหยุดเดินเลย ถ้าเพียงแค่คนคนหนึ่งไม่สามารถทำงานได้ – เพราะนักพัฒนาจะมีตัวตายตัวแทนคือเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ และในบางทีอาจจะมีนักพัฒนาอีกหลายคนที่ทำงานในโปรเจคนี้ร่วมด้วย ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้เพียบพร้อมเกี่ยวกับโครงการนี้ และแน่นอนว่าโปรเจคของคุณก็จะสามารถดำเนินการพัฒนาระบบต่อไปได้
คุณภาพ
ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราได้แสดงให้แล้วเห็นว่า ลูกค้าที่มักจะติดต่อเข้ามาขอใช้บริการช่วยเหลือโปรเจคของเรา มักจะได้พบกับปัญหา ที่ส่วนใหญ่เกิดกับการสื่อสารที่ขาดตอน และการขาดการบริหารโปรเจคที่ดี นี่เป็นเหตุผลหลักในการที่เขาจะเลิกจ้างฟรีแลนซ์
เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในการกำหนดราคาสำหรับ ฟรีแลนซ์
นักพัฒนาที่มีค่าตัวถูกที่สุด (โดยทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือในประเทศไทย) อาจทำงานให้ได้ในราคาเพียง 300 – 600 บาท ต่อชั่วโมง
อัตรารายชั่วโมงโดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 600 – 1800 บาท สำหรับยุโรปตะวันออก ในขณะที่ค่าแรงในยุโรปตะวันตก อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา จะมีราคามีราคาสูงถึง ประมาณ 4500 – 6000 บาท
เราเข้าใจว่าทุกคนจำเป็นต้องตัดสินใจเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง หลายคนจึงอาจพลาดพลั้งคิดไปว่า ราคาที่ถูกที่สุดที่เขาได้ จะมาพร้อมกับคุณภาพที่สูง – แต่หารู้ไม่ว่า มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย ที่จะสุ่มเลือกฟรีแลนซ์มามั่ว ๆ เพื่อให้มาทำโครงการที่ซับซ้อนของคุณ หากว่าคุณกำลังคาดหวังว่าจะได้งานที่มีคุณภาพที่สูงด้วยในราคาถูก
ถึงจะดูเสี่ยงอย่างที่เราบอก แต่การจ้างงานเหล่าฟรีแลนซ์ ให้ช่วยติดตั้ง Template ต่างๆของ Magento หรือโมดูลต่าง ๆ อาจะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าอยู่บ้าง
ประสบการณ์ และการทำงานที่มีความชำนาญ
การจ้างงานโปรเจคที่มีความซับซ้อนมากให้แก่ฟรีแลนซ์หนึ่งคน ก็เห็นได้ชัดเลยว่า พวกเขาจะมีมุมมองมุมเดียวจากตัวของเขา โดยที่ไม่ได้เน้นมุมมองภาพรวมที่มองเห็นสิ่งต่างๆได้กว้างกว่า
เอเจนซี่ที่ทำการพัฒนาระบบ Magento นั้น จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา ที่จะสามารถพัฒนาระบบที่ทำงานได้ดีกว่า ในหลากหลายแง่มุม โดยมองเห็นปัญหาต่าง ๆ จากมุมมองที่แตกต่างกันไปของแต่ละสายงาน
และเอเจนซี่ระดับมืออาชีพอาจคิดราคาประมาณ 300,000 – 1,800,000 บาท สำหรับการทำงานบนเว็บไซต์ระบบ Magento ด้วยการมีฟังชั่นการใช้งาน และรูปลักษณ์หน้าตาของเว็บที่อยู่ในระดับพื้นฐาน
เห็นได้ชัดว่า การยอมจ่ายเพิ่มเพียงไม่กี่แสนบาท คุณก็อาจได้รับร้านค้าออนไลน์ในระบบ Magento ได้แล้ว – แต่ถ้าคุณจะยอมเสียเงินหลักหมื่นทีละน้อย ให้ใครก็ตามที่ใช้ระบบติดตั้งอัตโนมัติเพื่อติดตั้งTemplate Magento เงินที่เสียไปก็จะได้เพียงเท่านั้น โดยแทบจะไม่มีการพัฒนาระบบใดๆเลย
ชี้แจงให้ชัดเจน: ไม่มีใครปฏิเสธว่า คนเพียงคนเดียวจะไม่สามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ระบบ Magento ได้ หากแต่ในความเป็นจริง การสร้างเว็บระบบ Magento ให้มีคุณภาพสูงและมีความสามารถในการแข่งขันที่ซับซ้อนได้ จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพของบุคคลกรที่มีเพิ่มมากขึ้นด้วย
การกำหนดราคาระบบ Magento โดย Agency
หากคุณเคยสังเกตราคาของเอเจนซีต่าง ๆ คุณอาจจะพบวิธีการกำหนดราคาที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะกำหนดราคาขั้นต่ำของโปรเจค – ลองตรวจสอบที่อินโฟกราฟฟิกของเรา เพื่อดูว่าเอเจนซี่ในสหรัฐอเมริกา และในระดับโลกมีการกำหนดราคาขั้นต่ำไว้เท่าไหร่บ้าง
ในทางตรงข้ามกับแนวโน้มนี้ มีทีมงานรายย่อยจำนวนมากในอเมริกาที่มีความเชี่ยวชาญในโปรเจคขนาดเล็ก
สังเกตุได้อีกจุดหนึ่งคือ การที่มีเอเจนซี่กำหนดราคารายเดือน ซึ่งโดยปกติจะเริ่มต้นที่ 250,000 บาท และนี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีสุดทางหนึ่ง สำหรับโครงการระยะยาวที่มีความต้องการในการพัฒนาระบบที่ซับซ้อนขึ้น
และมันยังชี้ให้เห็นอีกว่าเอเจนซี่ – โดยปกติแล้วจะมุ่งเน้นไปที่การทำโปรเจคขนาดเล็ก – ที่มีการกำหนดขั้นต่ำของโปรเจคเลย
ให้ความใส่ใจเสมอ ว่าอะไรที่คลอบคลุมบ้างในการเสนอราคา
มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการกำหนดราคาที่แน่นอน ซึ่งแม้แต่นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ก็ยังคงมีปัญหานี้อยู่เช่นกัน แต่ความซับซ้อนของการเสนอราคาที่มี ก็จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความเป็นมืออาชีพของทีมเช่นกัน
ตัวอย่าง เช่น ค่าบริการที่มาพร้อมกับ การออกแบบ, SEO, การพัฒนา frontend และ back-end และระบบสนับสนุน ที่คลอบคลุมอยู่ในรายการเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นบริการที่ดีมีคุณภาพ
นอกจากนี้ เราได้ทำการประเมินราคาของฟรีแลนซ์ตามภูมิประเทศต่าง ๆ และตามประเภทของการรับรองคุณภาพ
โดยรวมแล้ว หากนักพัฒนามีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมมากขึ้นเท่าใด อัตราค่าบริการรายชั่วโมงของพวกเขาก็จะสูงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับ นักพัฒนาที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน หรือ เป็นผู้เชี่ยวชาญแก้ไข Solution ต่าง ๆได้ ก็จะสามารถขอเรียกเงินเพิ่มได้อีกถึง 300 – 900 บาท ต่อชั่วโมง ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่ใดในโลกก็ตามความแตกต่างของภูมิประเทศจึงไม่ได้มีผลกับราคาเท่าไหร่นัก
นักพัฒนาในอเมริกาเหนือถือว่ามีค่าตัวสูงที่สุด รองลงมาคือยุโรปตะวันตก ยุโรปตะวันออก และอเมริกาใต้ตามลำดับ และค่าตัวในเอเชียมีเพียงจำนวนครึ่งหนึ่ง ที่สูงกว่าผู้ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา
หากคุณกำลังมองหานักพัฒนาซอฟต์แวร์และต้องการตรวจสอบตัวเลือกต่าง ๆ ในภูมิภาคของคุณ เราขอแนะนำเว็บไซต์นี้ ที่ใช้ได้ฟรีและมีตัวกรองต่าง ๆ ที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว
ตอนนี้เรามาดูกันว่า อัตราค่าจ้างสำหรับฟรีแลนซ์ สำหรับการพัฒนาระบบ Magento ในทั่วโลก จะอยู่ที่เท่าไหร่:
ราคาของบริการ Hosting ระบบ Magento
ฟังชันก์ต่าง ๆ ของ Magento ที่มีจุดเด่นทั้งการคำนวณ หรือการกำหนดค่าต่าง ๆ ได้เอง และปรับแต่งให้มันซับซ้อนตามความต้องการของคุณ และ การทำงานให้ได้ดีเยี่ยมที่สุด ก็ยังหมายถึงแหล่งข้อมูลที่มหาศาลและต้องพึ่งพาการใช้บริการHosting
บริการHostingของ Magento เคยเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ใช้ EE ก่อนปี 2014 และไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องหาทางแก้ปัญหาHostingของคุณเอง
ซึ่งการใช้งานอีคอมเมิร์ซ EE ต้องใช้Serverเฉพาตัวอย่างน้อยหนึ่งเครื่องแล้ว
หลายครั้งที่ Hosting มีค่าใช้จ่ายจะไม่รวมไว้ เมื่อมีการตั้งค่างบประมาณสำหรับโปรเจค แต่การหาHosting ที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นมาก สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจที่อยากประสบความสำเร็จ
สำหรับผู้ใช้ CE พื้นที่ Hosting แบบใช้ร่วมกัน อาจเป็นตัวเลือกที่ทำงานได้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 4,500บาทต่อเดือน ในขณะที่พื้นที่ Server Cluster เฉพาะตัวที่ต้องการสำหรับโครงการที่ต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นอาจมีราคาแพงถึง 135,000 บาท
คำถามที่คุณต้องถามตัวเองเมื่อเลือก บริษัท Hosting – ซึ่งบางท่านอาจเคยผ่านตามาบ้างแล้วจากการอ่านบทความของเราที Magento AWS hosting:
- จำนวนของ User / Day ที่คุณคาดหวัง?
- จำนวนของ Session / Month?
- จำนวนของ Top Spending Session ในแต่ละงวด?
- อัตราเฉลี่ยของ การทำยอด เหล่านี้ใน แต่ละปีมีเท่าไร?
- รองรับ Session พร้อมกันได้ที่เท่าไหร่ ที่คุณคาดหวังค่าเฉลี่ยในช่วงของการทำยอด
- เป้าหมายของตลาดของคุณตั้งอยู่แห่งใด เชิงภูมิศาสตร?
- Magento เวอร์ชั่นไหน ที่คุณต้องการจะพัฒนาหรือย้ายไป?
- SKU (Stock Keeping Unit) ในร้านอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันของคุณเป็นจำนวนเท่าใด?
- คุณจะใช้ SOLR, Elasticsearch หรือ Sphinxsearch หรือไม่?
- คุณจะใช้ระบบเชื่อต่อการชำระเงินของ Magento หรือไม่?
- ข้อกำหนดของ Server ปัจจุบันคืออะไร
- พื้นที่ให้บริการที่ใช้ร่วมกันจะเพียงพอ หรือ คุณจะต้องมี Server เฉพาะ หรือแม้แต่ Server Cluster เป็นระบบ Hosting ให้แก่คุณหรือไม่?
- ระบบจัดเก็บข้อมูลภายนอกของอีคอมเมิร์ซ ถูกเก็บไว้ที่ใดและมีแผนใดในการขยายรายการนี้ (ประเภท / ขนาดของฐานข้อมูล ซอฟต์แวร์ การเรียกเก็บเงิน ERP CRM ฯลฯ )?
- คุณจะใช้เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน (เช่น Pingdom, New Relic ฯลฯ ) เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณหรือไม่?
- คุณต้องการเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา (CDN) หรือไม่?
Hosting ที่ใช้ร่วมกันอาจมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ : ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่มีการยอดเข้าชมมากขึ้น
ถ้าคิดในระยะยาว ราคาที่แพงกว่า Server เฉพาะตัว เช่าจากผู้ให้บริการมืออาชีพ เป็นทางเลือกที่เหมาะสม
บริการ Hosting ที่ใช้ร่วมกันมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1,800 – 3,600 บาท ต่อเดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเอง
Server เฉพาะตัว มีราคาที่ 1,500 – 22,500 บาท ต่อ Server ต่อเดือน
ประเภทของราคาระบบ Magento
ราคาขั้นต่ำสุด (Low-end Magento Store)
ช่วงราคา: 45,000 – 150,000 บาท
หากคุณถามผู้เชี่ยวชาญบางคนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการสร้างร้านค้า Magento พวกเขาอาจจะบอกคุณว่า “อย่างน้อยน้อยก็ 5 – 6 แสนบาทแล้ว”
เราบอกได้เลยว่านี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น คุณสามารถมีร้านค้า Magento ที่ทำงานได้ โดยเริ่มต้นเพียง 45,000 บาท
แต่เราไม่อยากแนะนำให้สร้างร้านด้วยวิธีดังกล่าว
สำหรับราคาที่ต่ำเช่นนี้ คุณสามารถหาได้จากการจ้างฟรีแลนซ์ราคาถูกได้ และมีบริการแค่การติดตั้งขั้นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น และจะไม่มีงบประมาณเหลือสำหรับคุณสมบัติเพิ่มเติมและการพัฒนาอื่น ๆ ได้ต่อไป
มีหลาย บริษัท ขนาดเล็กและขนาดกลางที่ใช้งานMagento แต่สาระสำคัญของแพลตฟอร์มนี้อยู่ที่ความซับซ้อน ฟังชั่นก์ต่าง ๆ ที่ซับซ้อน และความเป็นไปได้ในการพัฒนา และการปรับแต่ง
งบประมาณต่ำเช่นนี้ จะไม่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากความเป็นไปได้เหล่านี้ทั้งหมด ดังนั้นระบบอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ เช่น BigCommerce หรือ WooCommerce น่าจะเหมาะสมกว่าสำหรับการตอบสนองความต้องการที่เรียบง่ายของธุรกิจขนาดเล็ก.
ราคาขั้นพื้นฐาน (Basic Magento Store)
ช่วงราคา: 300,000 – 1,200,000 บาท
หากคุณต้องการเปลี่ยนไปใช้ระบบอีคอมเมิร์ซใหม่หรือกำลังจะเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ของคุณและกำลังคิดถึงการใช้ Magento และนี่เป็นงบประมาณขั้นต่ำที่คุณควรคำนวณไว้ด้วย และมันจะเพียงพอสำหรับการมีคุณฟังชันก์ขั้นพื้นฐานมากมาย
ในฐานะที่เราเคยเห็นตัวอย่างมากมายก่อนหน้านี้ เงินหลายแสนบาท อาจจะใช้ได้แค่ในการติดตั้งExtension ที่จำเป็นเพียงอย่างเดียว
อย่างที่บอก คุณจะได้รับ CE รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็น Theme แบบเริ่มต้นหรือราคาถูกมากและฟังชันก์ที่สำคัญที่สุดที่เพิ่มเข้ามาในราคานี้
ซึ่งรวมถึงระบบ Magento การขยายและการติดตั้งธีมที่ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระหรือเอเจนซี่ที่มีขนาดเล็ก การกำหนดค่าการออกแบบเว็บแบบเล็กน้อยและการตั้งค่าพารามิเตอร์ SSL
อย่างไรก็ตามการพัฒนาใด ๆ การติดตั้งExtensionที่ซับซ้อน โมดูลที่กำหนดเอง หน้าตาเว็บที่ดูไม่ซ้ำใคร หรือการผสานรวมระบบ back-office จะอยู่นอกเหนือช่วงค่าใช้จ่ายนี้
กำหนดการใช้งานเองได้ (Custom Magento Store)
ช่วงราคา: 1,200,000 – 3,000,000 บาท
สำหรับราคานี้ คุณจะได้รับร้านค้าแบบ Magento ที่ปรับแต่งเองได้และพัฒนาโดยเอเจนซี่มืออาชีพที่จะตอบทุกความต้องการของคุณได้
ในช่วงราคานี้คุณสามารถเลือกปรับแต่งExtension และฟังชันก์ที่เหมาะกับช่วงราคาของสินค้าและนโยบายทางธุรกิจของคุณได้
ประสบการณ์ที่ลูกค้าพบเจอจะได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที จากการทดสอบของระบบ และคุณจะสามารถเลือกหน้าตาของเว็บไซต์ได้ เลือกดีไซเนอร์มืออาชีพเพื่อร่วมงานกัน กับนักพัฒนาfront-endได้
นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ประโยชน์จากฟังชันก์เฉพาะ เช่น การสร้างคูปอง การส่งจดหมายข่าว เผยแพร่เนื้อหา และใช้โซลูชันสำหรับการค้นหาที่ซับซ้อน
นอกจากนี้คุณยังสามารถได้รับประโยชน์ จากบริการสนับสนุน และทดสอบขั้นสูง รวมถึงเอกสารการให้บริการโดยละเอียด ประสิทธิภาพการจัดเก็บที่มีการรับประกัน และการย้ายข้อมูลจากระบบจัดเก็บอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ
สำหรับองค์กรใหญ่ (Magento Enterprise store)
ช่วงราคา: 3 ล้านบาทขึ้นไป
Magento Enterprise Edition กล่าวกันว่ามันคือ “แพลทฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ ที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้มากที่สุดในโลก” เป็นแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ บริษัท ขนาดใหญ่ (ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับมัน กล่าวถึงก่อนหน้านี้แล้วในโพสต์)
เว็บไซต์ระดับ Magento Enterprise สามารถปรับแต่งแก้ไขได้ 100%
รูปลักษณ์ที่ปรากฏและฟังชันก์ทั้งหมดสามารถปรับแต่งได้ และนอกจากนี้ยังมีฟังชันก์เริ่มต้นเช่น:
- รูปแบบที่เป็นมิตรกับการใช้บนมือถือ,
- สภาพแวดล้อมแบบ multi-store,
- Extension ที่มีพร้อมมาให้,
- search engine optimization (SEO),
- segmentation,
- ข้อเสนอพิเศษที่ตรงเป้าหมายด้วย special deals,
- ปรับแต่งการสร้างคูปอง,
- วางกลุ่มเป้าหมาย และ เครื่องมือ Remarketing, อื่น ๆ อีกมากมาย
คำถามคือ: อะไรคือสิ่งที่จำเป็นจริงๆ สำหรับคุณ?
Magento อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
ดังที่เราได้กล่าวไว้ในบทความก่อนหน้านี้ สำหรับการเปิดตัวร้านอีคอมเมิร์ซขนาดเล็กที่คาดหวังว่าจะสร้างรายได้ไม่เกิน 3-6 ล้านบาท แพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่ปรับแต่งได้ง่ายและฟรี อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
เหตุผลก็คือการพัฒนาระบบ Magento ไม่ได้มีราคาถูก
ร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่มีขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องใช้ฟังก์ชันที่หลากหลายแบบ Magento แต่มันกลับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ ที่ต้องสามารถจ่ายให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือแม้แต่เอเจนซี่ต่าง ๆ ให้ได้ เพื่อให้คุณอยู่เหนือคู่แข่งของคุณ
นอกจากนี้ ยังเป็นคำถามต่อเนื่อง ในการคิดระยะยาว
ตามที่บอกไว้ว่า Magento ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ครั้งเดียว หากคุณต้องการทำมันอย่างจริงจัง: มันต้องใช้การพัฒนาและการปรับแต่งอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความผันผวนของตลาด
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม Magento จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่มีงบประมาณ คุณควรจะเตรียมงบประมาณ 3-6 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับแต่งการพัฒนาระบบ
ธุรกิจขนาดเล็กอาจใช้งาน ด้วยการจ้างงานกับนักพัฒนาอิสระหรือฟรีแลนซ์ มันอาจจะสร้างกำไรให้คุณได้บ้าง ถึงแม้จะเป็นโอกาสเพียงน้อยนิด แต่ต้องลองดูกันอีกทีในการเติบโตระยะยาว
แน่นอนว่าร้านค้าออนไลน์หลายแห่งใช้งาน Magento เราได้มีการเขียนถึงส่วนแบ่งตลาด ของพวกเขา – หลายแห่ง ในกลุ่มเหล่านี้ไม่สร้างผลกำไรหรือไม่สามารถเจริญเติบโตได้
90% ของธุรกิจใหม่ ๆ ต้องยื่นขอล้มละลายเนื่องจากนโยบายธุรกิจที่ไม่ดี ไม่ใช่เพราะ Magento
การลงทุนในการจัดการกับร้านค้าออนไลน์ ก็เช่นเดียวกันกับการลงทุนในการมีหน้าร้านจริงจริง หากมันมีการสร้างรูปแบบที่ไม่เหมาะสม และการลงทะเบียนการจ่ายเงินที่ไม่สำเร็จ มันก็พร้อมที่จะทำให้ลูกค้าของคุณหันไปหาคู่แข่งของคุณได้โดยง่าย
เพราะบนโลกอินเตอร์เน็ตลูกค้าไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามในการหาร้านค้าที่ดีกว่า
หากคุณสามารถลงทุนได้ในวงเงิน 3,000-7,500,000 บาท สำหรับระบบร้านแบบ Magento และในขณะที่จ่ายเงินให้กับพนักงานและนักลงทุนของคุณไปเรื่อย ในขณะที่ยังลงทุนในการขยายสาขาอื่น ๆ และมีงบประมาณสำรอง คุณควรลงทุนในอนาคตของคุณเป็นอย่างยิ่ง
หากเปรียบฟังก์ชันการทำงานที่ดีขึ้น มีวิธีการชำระเงินที่ยอดเยี่ยม และประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ คือ10% ของการเติบโตของคุณเติบโตขึ้น เหล่านี้จะส่งผลให้เงินลงทุนของคุณอาจจะคุ้มค่ากว่า และระบบที่กำหนดเองได้ ก็สามารถทำอะไรให้คุณได้มากยิ่งขึ้น
ตามที่เราได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น: มีความช่วยเหลือของเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสมและการทำงานร่วมกับนักพัฒนามืออาชีพจะช่วยให้คุณเข้าถึงการเติบโต 10% ของรายได้นั้นด้วยการใช้งานระบบร้านค้าออนไลน์แบบ Magento ที่ให้คุณเห็นความสำเร็จได้อย่างแท้จริง
อ่านมาตรงตรงนี้แล้วหากต้องการสอบถามเกี่ยวกับ บริการ Magento Service สามารถคลิ๊ก Banner ด้านล่างได้เลย