Table of Contents
การขนส่งสินค้าถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้าคาดหวังความรวดเร็วและความสะดวกสบายในการรับสินค้า สำหรับผู้ที่กำลังสงสัยว่า Shopify คืออะไร Shopify เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำที่ช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นขายของบน Shopify ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยระบบได้พัฒนาโซลูชั่นการจัดส่งที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการระบบขนส่งได้อย่างครบวงจรผ่าน Shopify Shipping App นั่นเอง
Shopify Shipping App คืออะไร?
Shopify Shipping App คืออะไร? คำตอบคือ แอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ขายของใน Shopify สามารถจัดการระบบการจัดส่งสินค้าได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การคำนวณค่าจัดส่ง การพิมพ์ฉลากพัสดุ การติดตามสถานะ ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับบริษัทขนส่งชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า “แอปส่งของ” หรือ “แอพขนส่งสินค้า” ที่ทำให้การจัดการโลจิสติกส์เป็นเรื่องง่าย
แอปเหล่านี้ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการงานหลังบ้าน ทำให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสินค้าและการขยายธุรกิจ โดยไม่ต้องกังวลกับกระบวนการจัดส่งที่ซับซ้อน นอกจากนี้ การใช้แอปขนส่งที่เหมาะสมยังช่วยประหยัดต้นทุนและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าอีกด้วย หากคุณกำลังมองหาบริการติดตั้งและตั้งค่า Shopify สำหรับร้านค้าของคุณ ก็สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญได้
ประโยชน์ของ Shopify Shipping App
การใช้แอปจัดส่งสินค้าบน Shopify นั้นมีข้อดีมากมายที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขายออนไลน์ของคุณ ดังนี้:
- ประหยัดเวลาและแรงงาน: แอปช่วยให้คุณสามารถจัดการคำสั่งซื้อและการจัดส่งได้จากที่เดียว ไม่จำเป็นต้องสลับไปมาระหว่างหลายแพลตฟอร์ม
- ลดต้นทุนการขนส่ง: หลายแอปมีส่วนลดพิเศษจากบริษัทขนส่งพันธมิตร ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
- เพิ่มความโปร่งใสให้ลูกค้า: ระบบติดตามพัสดุอัตโนมัติช่วยให้ลูกค้าทราบสถานะการจัดส่งได้ตลอดเวลา ลดคำถามและข้อกังวลเกี่ยวกับการจัดส่ง
- เชื่อมต่อกับบริษัทขนส่งหลากหลาย: เลือกใช้บริการขนส่งได้หลากหลายตามความต้องการและงบประมาณของคุณ
- รองรับการขายระหว่างประเทศ: หลายแอปรองรับการจัดส่งระหว่างประเทศ พร้อมเอกสารศุลกากรที่จำเป็น ช่วยให้คุณขยายตลาดได้กว้างไกลขึ้น
ประเภทของ Shipping App บน Shopify
ในตลาด Shopify App Store มีแอปขนส่งหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความต้องการของธุรกิจ โดยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้:
1. แอปสำหรับจัดส่งในประเทศ
แอปกลุ่มนี้เหมาะสำหรับร้านค้าที่เน้นตลาดภายในประเทศเป็นหลัก โดยมักจะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการขนส่งในไทย เช่น ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express, Flash Express, J&T Express และอื่นๆ ข้อดีของแอปประเภทนี้คือ:
- รองรับภาษาไทยและสกุลเงินบาท
- มีตัวเลือกการจัดส่งที่หลากหลายและตรงกับความต้องการของตลาดไทย
- มีระบบคำนวณค่าจัดส่งตามน้ำหนักและพื้นที่ในประเทศไทย
- รองรับการพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุในรูปแบบที่บริษัทขนส่งในไทยต้องการ
2. แอปสำหรับจัดส่งระหว่างประเทศ
สำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ แอปประเภทนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดส่งระหว่างประเทศ โดยมีคุณสมบัติเด่น ได้แก่:
- เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศชั้นนำ เช่น DHL, FedEx, UPS
- รองรับการสร้างเอกสารศุลกากรอัตโนมัติ
- มีระบบคำนวณภาษีและอากรนำเข้าล่วงหน้า
- รองรับหลายภาษาและหลายสกุลเงิน
3. แอปจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งแบบครบวงจร
แอปประเภทนี้นอกจากจะจัดการเรื่องการขนส่งแล้ว ยังรวมฟีเจอร์การจัดการคลังสินค้าเข้าไว้ด้วยกัน เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีสินค้าหลากหลายและต้องการระบบจัดการสต็อกที่แม่นยำ คุณสมบัติหลักของแอปเหล่านี้ ได้แก่:
- ติดตามสต๊อกสินค้าแบบเรียลไทม์
- แจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมด
- บริหารจัดการคลังสินค้าหลายสาขา
- วิเคราะห์ข้อมูลสินค้าขายดีและสินค้าที่มีการคืน
4. แอปจัดส่งแบบ Dropshipping
สำหรับธุรกิจที่ใช้โมเดล Dropshipping (การขายสินค้าโดยไม่ต้องเก็บสต๊อก) แอปประเภทนี้จะช่วยให้การประสานงานระหว่างร้านค้า ซัพพลายเออร์ และลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่น โดยมีฟีเจอร์สำคัญ ได้แก่:
- เชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์หลายรายในระบบเดียว
- อัปเดตสถานะสินค้าและการจัดส่งอัตโนมัติ
- แปลงข้อมูลคำสั่งซื้อให้อยู่ในรูปแบบที่ซัพพลายเออร์ต้องการ
- ส่งข้อมูลการจัดส่งจากซัพพลายเออร์ไปยังลูกค้าได้โดยตรง
วิธีเลือก Shipping App ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
1. ขนาดและประเภทธุรกิจ
ธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องการแอปที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย และมีค่าใช้จ่ายไม่สูง ในขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่อาจต้องการแอปที่มีฟีเจอร์ครบถ้วน รองรับการจัดส่งจำนวนมาก และสามารถปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะได้
ประเภทของสินค้าก็มีผลต่อการเลือกแอป เช่น:
- สินค้าน้ำหนักเบา: อาจเลือกแอปที่เน้นความเร็วในการจัดส่ง
- สินค้าขนาดใหญ่: ต้องการแอปที่รองรับการขนส่งแบบพิเศษ
- สินค้าที่เน่าเสียง่าย: ต้องการแอปที่มีตัวเลือกการจัดส่งแบบด่วนพิเศษ
2. ตลาดเป้าหมาย
พิจารณาว่าคุณขายสินค้าไปยังพื้นที่ใดบ้าง:
- ขายเฉพาะในประเทศ: เลือกแอปที่เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการขนส่งในไทยที่มีเครือข่ายครอบคลุม
- ขายระหว่างประเทศ: เลือกแอปที่รองรับการจัดส่งระหว่างประเทศและมีระบบจัดการเอกสารศุลกากร
- ขายเฉพาะพื้นที่: อาจเลือกแอปที่มีบริการจัดส่งในวันเดียวสำหรับพื้นที่เฉพาะ
3. งบประมาณ
แอปขนส่งมีหลากหลายระดับราคา ตั้งแต่ฟรีไปจนถึงหลายพันบาทต่อเดือน ควรพิจารณาดังนี้:
- ค่าสมัครใช้งานแอป: บางแอปคิดค่าบริการรายเดือน บางแอปคิดตามจำนวนคำสั่งซื้อ
- ค่าธรรมเนียมพิเศษ: เช่น ค่าธรรมเนียมการพิมพ์ฉลาก หรือค่าธรรมเนียมการใช้ฟีเจอร์พิเศษ
- ส่วนลดค่าขนส่ง: บางแอปมีข้อตกลงพิเศษกับบริษัทขนส่ง ทำให้ได้ส่วนลดพิเศษ
4. ความต้องการด้านฟีเจอร์
พิจารณาว่าธุรกิจของคุณต้องการฟีเจอร์ใดบ้าง:
- การเปรียบเทียบราคาจากหลายผู้ให้บริการ
- การพิมพ์ฉลากพัสดุแบบกลุ่ม
- การแจ้งเตือนลูกค้าอัตโนมัติ
- การติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์
- การประกันพัสดุ
- การคำนวณภาษีอัตโนมัติ
5. ความง่ายในการใช้งาน
แอปที่มีหน้าตาใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน จะช่วยให้คุณและทีมสามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ควรพิจารณา:
- มีภาษาไทยรองรับหรือไม่
- มีวิดีโอสอนการใช้งานหรือไม่
- มีระบบช่วยเหลือแบบเรียลไทม์หรือไม่
- สามารถตั้งค่าอัตโนมัติได้มากน้อยเพียงใด
6. การเชื่อมต่อกับแอปอื่น ๆ
พิจารณาว่าแอปขนส่งสามารถทำงานร่วมกับแอปอื่น ๆ ที่คุณใช้งานอยู่ได้หรือไม่ เช่น:
- แอปบัญชี
- แอปการตลาด
- แอปบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)
- แอปโปรแกรมสะสมแต้ม
แอป Shipping ยอดนิยมบน Shopify สำหรับตลาดไทย
สำหรับผู้ที่ขายของบน Shopify ในไทย จำเป็นต้องรู้จักแอพขนส่งสินค้าที่เหมาะกับตลาดไทยโดยเฉพาะ การเติบโตของ Shopify ในไทย ทำให้มีแอปจัดส่งหลายตัวที่ได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการ โดยแต่ละแอปมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ต่อไปนี้คือแอปส่งของที่น่าสนใจ:
1. Packwai
สำหรับร้านค้า Shopify ในประเทศไทย Packwai คือหนึ่งในตัวเลือกขนส่งที่น่าสนใจ เพราะส่งได้รวดเร็ว ถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมประกันและเก็บเงินปลายทาง ในราคาที่เหมาะสม สามารถเชื่อมต่อกับ Shopify ง่ายๆ โดยจุดเด่นของ Packwai มีดังนี้!:
- บริการส่งด่วน ครอบคลุมทั่วไทย ไม่จำกัดขั้นต่ำ
- ค่าส่งเป็นมิตร สะดวกชำระ คุ้มค่าแน่นอน
- อุ่นใจด้วยประกันสินค้า พร้อมเก็บเงินหน้าบ้านลูกค้า
- เชื่อมต่อ API เข้ากับ Shopify ทำได้ง่าย ใช้ได้ทันที
2. Shipnity
Shipnity เป็นแอปขนส่งที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อตลาดไทยโดยเฉพาะ จุดเด่นของ Shipnity ได้แก่:
- รองรับผู้ให้บริการขนส่งในไทยมากกว่า 10 ราย รวมถึง Kerry, Flash Express, J&T, ไปรษณีย์ไทย
- มีระบบเปรียบเทียบราคาจากผู้ให้บริการต่างๆ แบบเรียลไทม์
- รองรับการพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุแบบกลุ่ม (Batch Printing)
- มีระบบแจ้งเตือน SMS ให้ลูกค้าอัตโนมัติ
- รองรับการจัดการพัสดุตีกลับ (Return Management)
3. EasyShip
EasyShip เป็นโซลูชั่นการจัดส่งระดับโลกที่รองรับทั้งการจัดส่งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีจุดเด่น ได้แก่:
- เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการขนส่งมากกว่า 250 รายทั่วโลก
- มีระบบคำนวณภาษีและอากรนำเข้าล่วงหน้า
- รองรับหลายสกุลเงินและหลายภาษา
- มีระบบสร้างเอกสารศุลกากรอัตโนมัติ
- มีส่วนลดค่าขนส่งพิเศษจากพันธมิตร
4. ShipDeck
ShipDeck เป็นแอปที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ มีฟีเจอร์เด่น ได้แก่:
- รองรับการจัดส่งแบบเก็บเงินปลายทาง (COD)
- มีระบบจัดการสินค้าคงคลังในตัว
- รองรับการพิมพ์ใบปะหน้าหลายรูปแบบ
- เชื่อมต่อกับระบบบัญชีได้
- มีรายงานวิเคราะห์ต้นทุนการจัดส่ง
5. ShipStation
ShipStation เป็นแอปขนส่งที่ได้รับความนิยมระดับโลก มีความสามารถครอบคลุมทั้งการจัดส่งในประเทศและระหว่างประเทศ จุดเด่น ได้แก่:
- รองรับการจัดการคำสั่งซื้อจำนวนมาก
- มีระบบอัตโนมัติที่ช่วยประหยัดเวลาในการจัดการคำสั่งซื้อ
- รองรับการตั้งกฎการจัดส่งตามเงื่อนไขที่กำหนดเอง
- มีแอปมือถือสำหรับจัดการคำสั่งซื้อนอกสถานที่
- รองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลายแห่ง
เทคนิคการใช้งาน Shipping App ให้มีประสิทธิภาพ
1. ตั้งค่าโซนการจัดส่งให้เหมาะสม
การตั้งค่าโซนการจัดส่งที่ละเอียดจะช่วยให้การคำนวณค่าขนส่งแม่นยำมากขึ้น แนะนำให้:
- แบ่งโซนตามจังหวัดหรือภูมิภาค
- กำหนดอัตราค่าจัดส่งที่แตกต่างกันตามโซน
- พิจารณาโซนพิเศษที่อาจมีค่าจัดส่งเพิ่มเติม เช่น พื้นที่ห่างไกล
2. ใช้งานระบบอัตโนมัติให้เต็มประสิทธิภาพ
แอปขนส่งส่วนใหญ่มีระบบอัตโนมัติที่จะช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน ควรตั้งค่า:
- กฎการเลือกบริษัทขนส่งอัตโนมัติตามน้ำหนักหรือปลายทาง
- การส่งอีเมลแจ้งเตือนลูกค้าเมื่อมีการอัปเดตสถานะการจัดส่ง
- การพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุอัตโนมัติเมื่อได้รับคำสั่งซื้อ
3. เตรียมรับมือกับช่วงเทศกาล
ในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น 11.11, 12.12, หรือเทศกาลของขวัญ ปริมาณคำสั่งซื้อมักจะเพิ่มสูงขึ้นมาก ควรเตรียมพร้อมโดย:
- อัปเกรดแพ็กเกจของแอปขนส่งชั่วคราวเพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
- แจ้งลูกค้าล่วงหน้าเกี่ยวกับความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้น
- เพิ่มตัวเลือกการจัดส่งด่วนพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการรับสินค้าเร่งด่วน
4. วิเคราะห์ข้อมูลการจัดส่งอย่างสม่ำเสมอ
ข้อมูลการจัดส่งสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของคุณ ควรตรวจสอบ:
- อัตราการจัดส่งสำเร็จและล้มเหลว
- ต้นทุนการจัดส่งโดยเฉลี่ยต่อคำสั่งซื้อ
- ระยะเวลาจัดส่งโดยเฉลี่ย
- พื้นที่ที่มีปัญหาการจัดส่งบ่อย
5. ทดสอบตัวเลือกการจัดส่งใหม่ ๆ
ตลาดการขนส่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ควรเปิดใจทดลองใช้บริการใหม่ ๆ เพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ:
- ทดลองใช้บริษัทขนส่งรายใหม่
- ทดสอบบริการจัดส่งแบบพิเศษ เช่น การจัดส่งในวันเดียวกัน
- พิจารณาโซลูชันการจัดส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หัวข้อหน้าบริการ
- บริการติดตั้งและตั้งค่า Shopify Shipping App: ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในการเลือกแอปขนส่งที่เหมาะสม พร้อมติดตั้งและตั้งค่าเริ่มต้นให้พร้อมใช้งาน
- วางแผนกลยุทธ์การจัดส่งสินค้า: วิเคราะห์ธุรกิจของคุณเพื่อออกแบบกลยุทธ์การจัดส่งที่มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุน
- ฝึกอบรมการใช้งาน Shipping App: สอนทีมงานของคุณให้สามารถใช้งานแอปขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บริการเชื่อมต่อกับพันธมิตรขนส่ง: ประสานงานกับบริษัทขนส่งเพื่อขอส่วนลดพิเศษและเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
- ปรับแต่งประสบการณ์การจัดส่ง: ออกแบบและปรับแต่งขั้นตอนการจัดส่งให้เข้ากับแบรนด์และความต้องการของลูกค้า
- วิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่ง: ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลการจัดส่งเพื่อระบุจุดที่สามารถปรับปรุงได้
สรุป
Shopify Shipping App คืออะไร เราได้อธิบายไปแล้วข้างต้น – มันคือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยยกระดับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณ โดยช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการระบบขนส่ง ประหยัดเวลาและต้นทุน รวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนจะขายของใน Shopify การเลือกแอปส่งของที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง ทั้งขนาดธุรกิจ ประเภทสินค้า ตลาดเป้าหมาย งบประมาณ และความต้องการด้านฟีเจอร์การใช้งาน
สำหรับ Shopify ในไทย มีแอพขนส่งสินค้าหลากหลายให้เลือกใช้ ทั้งที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของตลาดไทย และแอปจากต่างประเทศที่มีความสามารถในการรองรับการขนส่งระหว่างประเทศ การเลือกแอปที่เหมาะสมและใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน
อย่าลืมว่าเทคโนโลยีด้านการขนส่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การติดตามแนวโน้มและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงจะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความได้เปรียบในการแข่งขัน การลงทุนในระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นการลงทุนในอนาคตของธุรกิจคุณอย่างแท้จริง