วิธีพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายให้โตขึ้น 2 เท่า

วิธีพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายให้โตขึ้น 2 เท่า

Table of Contents

ในวันที่ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย ธุรกิจที่เข้าใจและใส่ใจประสบการณ์ของลูกค้า การพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขาย คือ กลยุทธ์สำคัญที่จะสามารถชนะใจลูกค้าและปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ที่ Cipher เราเชื่อว่า CX ไม่ใช่แค่เรื่องของความพึงพอใจหรือการสร้าง Customer Experience ให้กับลูกค้าเพียงเท่านั้น โดยในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีพัฒนา Customer Experience ที่ใช้ได้จริงในโลกธุรกิจปัจจุบัน พร้อมบริการวางแผนการตลาดบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ และแนวคิดการตลาดที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คุณไม่เพียงแค่แข่งขันได้ แต่ก้าวนำตลาดอย่างมั่นใจ

Customer Experience คืออะไร?

พัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขาย - Customer Experience คืออะไร?

Customer Experience หรือประสบการณ์ลูกค้า คือ ความรู้สึกและการรับรู้ทั้งหมดที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ ตั้งแต่ขั้นตอนการรู้จักสินค้า การตัดสินใจซื้อ การใช้งาน ไปจนถึงการบอกต่อ ซึ่ง Customer Experience คือ ผลรวมของทุกจุดสัมผัส (touchpoint) ระหว่างลูกค้ากับธุรกิจ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ประสบการณ์ที่ดี สามารถเปลี่ยนลูกค้าทั่วไปให้กลายเป็นลูกค้าที่พร้อมสนับสนุนแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจทุกประเภทรวมไปถึงยังเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบ CRM ขององค์กรที่ใช้พัฒนาความสัมพันธ์กัลูกค้าได้อีกด้วย

Customer Experience มีอะไรบ้าง?

การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีประกอบด้วยองค์ประกอบหลายประการที่ต้องบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้

  • Touchpoints ต่าง ๆ: จุดสัมผัสทุกจุดระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ทั้งก่อนซื้อ (การค้นหาข้อมูล โฆษณา) ระหว่างซื้อ (การชำระเงิน บรรยากาศร้านค้า) และหลังซื้อ (การติดตามสถานะ การรับประกัน) ล้วนสร้างความประทับใจและส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อซ้ำ
  • การบริการลูกค้า (Customer Service): คุณภาพและความรวดเร็วในการให้บริการ การแก้ไขปัญหา และการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เป็นหัวใจของ Experience คือ ส่วนที่สร้างความแตกต่างและความประทับใจให้กับลูกค้า
  • UI/UX บนเว็บไซต์หรือแอป: การออกแบบหน้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่สวยงาม ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ผู้ใช้ ช่วยลดความสับสนและเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
  • ความรวดเร็วในการตอบกลับ: การตอบสนองต่อข้อสงสัยหรือปัญหาของลูกค้าอย่างทันท่วงที แสดงถึงความใส่ใจและช่วยสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์
  • Personalization: การนำเสนอสินค้า บริการ และการสื่อสารที่ปรับให้เหมาะกับความชอบและพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและเข้าใจ

การบริหารประสบการณ์ลูกค้าที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการจัดการองค์ประกอบเหล่านี้อย่างสอดคล้องและเป็นระบบ เมื่อทุกจุดสัมผัสสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ลูกค้าจะเกิดความประทับใจ นำไปสู่การซื้อซ้ำและการบอกต่อ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืน

ทำไม Customer Engagement จึงสำคัญ?

ปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่เพียงแค่ต้องการสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ แต่ยังต้องการประสบการณ์หรือบริการที่น่าประทับใจในทุกขั้นตอนของการซื้อสินค้า ทำให้การสร้าง Customer Engagement หรือการมีส่วนร่วมกับลูกค้าจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันทางธุรกิจ

ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ลูกค้าที่มี Customer Engagement สูงมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 60% และมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์มากกว่า การสร้างการมีส่วนร่วมผ่านการพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะลูกค้าในปัจจุบันต้องการความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับแบรนด์มากกว่าการเป็นเพียงผู้ซื้อสินค้า

กลยุทธ์พัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขาย

การพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความเข้าใจและการวางแผนอย่างเป็นระบบ ต่อไปนี้คือกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ

1. เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง

การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่โดดเด่น การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรม ความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้า จะช่วยให้ธุรกิจสามารถออกแบบจุดสัมผัสที่ตอบโจทย์ได้อย่างแม่นยำ เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเข้าใจลูกค้า เช่น การทำ Customer Journey Mapping ช่วยให้เห็นภาพรวมของเส้นทางที่ลูกค้าเดินทางจากการรู้จักสินค้าไปจนถึงการเป็นลูกค้าประจำ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง การรวบรวมข้อมูลจากหลายช่องทาง ทั้งแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ Social Listening และข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ จะช่วยให้เข้าใจลูกค้าได้รอบด้านยิ่งขึ้น

2. ออกแบบประสบการณ์แบบ Personalization

การสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความประทับใจและเพิ่มโอกาสในการขาย โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้ามีความคาดหวังสูง การใช้ข้อมูลเพื่อปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำ Personalization มีดังนี้

  • แนะนำผลิตภัณฑ์จากพฤติกรรมเก่า: การวิเคราะห์ประวัติการซื้อและการเข้าชมสินค้าของลูกค้า ช่วยให้สามารถแนะนำสินค้าที่ตรงกับความสนใจได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการคลิกและการซื้อสินค้าได้ถึง 35%
  • การส่งข้อความเฉพาะบุคคล: การปรับแต่งเนื้อหาอีเมล SMS หรือการแจ้งเตือนให้สอดคล้องกับความสนใจและพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การเสนอส่วนลดในวันเกิด หรือแจ้งเตือนเมื่อสินค้าที่ลูกค้าสนใจมีโปรโมชันพิเศษ
  • ระบบแชทอัตโนมัติที่ฉลาดขึ้น: การพัฒนาระบบแชทบอทที่สามารถจดจำและเข้าใจบริบทของการสนทนากับลูกค้าแต่ละราย ช่วยให้การสนทนาเป็นธรรมชาติและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

3. ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับ CX

เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขาย เพราะการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม สามารถยกระดับประสบการณ์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ระบบ CRM เพื่อเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การใช้ AI และ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยี AR/VR เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าตื่นเต้น หรือการใช้แพลตฟอร์ม Omnichannel เพื่อเชื่อมต่อประสบการณ์ลูกค้าระหว่างช่องทางต่าง ๆ ให้ราบรื่น การบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านี้ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

4. ฝึกอบรมทีมงานให้ใส่ใจประสบการณ์ลูกค้า

พนักงานเป็นตัวแทนของแบรนด์ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การฝึกอบรมทีมงานให้มีความเข้าใจและใส่ใจต่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขาย เช่น

  • การอบรมเรื่อง Soft Skill: ทักษะการสื่อสาร การฟัง การแสดงความเห็นอกเห็นใจ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดี พนักงานที่มี Soft Skill ที่ดีสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่ยากลำบากให้กลายเป็นโอกาสในการสร้างความประทับใจได้
  • เทคนิคการสื่อสารกับลูกค้า: การอบรมเทคนิคการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ภาษาเชิงบวก การฟังอย่างตั้งใจ และการสื่อสารที่ชัดเจน ช่วยให้พนักงานสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและเข้าใจความต้องการที่แท้จริง
  • การวัดผล KPI ที่เกี่ยวข้องกับ CX: การกำหนด KPI ที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ลูกค้า เช่น ค่า NPS (Net Promoter Score), CSAT (Customer Satisfaction Score) หรือ CES (Customer Effort Score) และนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลงานของพนักงาน จะช่วยให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดี

Customer Experience Management คืออะไร?

Customer Experience Management (CXM) คือ กระบวนการบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้าในทุกจุดสัมผัสอย่างเป็นระบบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความพึงพอใจ ความผูกพัน และความจงรักภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ การบริหารประสบการณ์ลูกค้าที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และการออกแบบกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทุกช่องทางการสื่อสารและจุดสัมผัสกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น สอดคล้อง และตรงตามความคาดหวัง Customer Experience Management จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายได้

ตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ Customer Experience เพิ่มยอดขายได้จริง

การพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดทางทฤษฎี แต่มีธุรกิจมากมายที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่โดดเด่น ต่อไปนี้คือตัวอย่างธุรกิจชั้นนำที่ใช้ Customer Experience เพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Starbucks

สร้างประสบการณ์ร้านกาแฟที่มากกว่าการดื่มกาแฟ ผ่านบรรยากาศร้าน การบริการที่เป็นกันเอง และแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ลูกค้าสั่งและรับสินค้าได้สะดวก

  • สร้างโปรแกรมสมาชิกที่มีระบบสะสมคะแนนและรางวัลที่ตรงใจลูกค้า
  • ใช้แอปพลิเคชัน Mobile Order & Pay เพื่อลดเวลารอและเพิ่มความสะดวกสบาย
  • ปรับแต่งบรรยากาศร้านให้เหมาะกับการนั่งทำงาน พบปะพูดคุย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าร้านกาแฟ

Amazon

เน้นการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย รวดเร็ว และเป็นส่วนตัว ผ่านระบบแนะนำสินค้าที่แม่นยำ และการจัดส่งที่รวดเร็ว

  • พัฒนาระบบแนะนำสินค้าที่เรียนรู้พฤติกรรมและความชอบของลูกค้า
  • สร้างระบบการจัดส่งที่รวดเร็ว และติดตามสถานะต่าง ๆ
  • ให้ความสำคัญกับการคืนสินค้าที่ง่ายและสะดวก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อ

Apple

นำเสนอประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยคุณภาพ พร้อมการบริการหลังการขายที่มีคุณภาพผ่าน Apple Store และ Genius Bar

  • ออกแบบร้านค้าให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่
  • ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และสามารถให้คำแนะนำที่มีประโยชน์
  • สร้างรูปแบบการใช้งานของผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด

เชื่อมโยง CX กับการตลาด ด้วย Customer Experience Marketing

Customer Experience Marketing คือ การนำกลยุทธ์การตลาดมาผสมผสานกับการสร้างประสบการณ์ลูกค้าเพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้า แนวคิดนี้ไม่เพียงแค่มุ่งเน้นการโฆษณาหรือส่งเสริมการขายเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความประทับใจในทุกจุดสัมผัส เพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกที่ดีและผูกพันกับแบรนด์

การเชื่อมโยง Customer Experience กับกลยุทธ์การตลาดช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างข้อความทางการตลาดที่สอดคล้องกับประสบการณ์จริงที่ลูกค้าได้รับ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจในแบรนด์ การพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายผ่าน Experiential Marketing คือ การสร้างกิจกรรมหรือแคมเปญที่ให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมและสัมผัสกับคุณค่าของแบรนด์โดยตรง ทำให้ลูกค้าจดจำและเกิดความผูกพันกับแบรนด์มากกว่าการรับสารทางเดียวจากโฆษณาทั่วไป

บริการด้าน Customer Experience จากผู้เชี่ยวชาญของทีม Cipher

การพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าให้มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ทีม Cipher พร้อมให้บริการด้าน Customer Experience ที่ครอบคลุมทุกมิติเพื่อช่วยธุรกิจยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ รวถึงบริการ Social Media Marketing ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

  • การวิเคราะห์และออกแบบ Customer Journey: วิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า เพื่อออกแบบเส้นทางการซื้อสินค้าและบริการที่ราบรื่นและสร้างความประทับใจ
  • กลยุทธ์ Omnichannel CX: พัฒนาระบบและกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงประสบการณ์ลูกค้าในทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องและไร้รอยต่อ
  • การพัฒนาระบบ CRM และการวิเคราะห์ข้อมูล: ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและนำมาพัฒนาประสบการณ์ที่ตรงใจ
  • การฝึกอบรมพนักงานด้าน CX: สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ลูกค้า ผ่านการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะที่จำเป็น
  • การติดตามและวัดผล CX: ติดตามและวัดผลประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Customer Experience ด้วยตัวชี้วัดที่เหมาะสม เพื่อปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

สรุป

การพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายไม่ใช่เรื่องของโชคหรือความบังเอิญ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ต้องวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง การออกแบบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และการฝึกอบรมทีมงานให้เห็นความสำคัญของประสบการณ์ลูกค้า ซึ่งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีล้วนมีลักษณะร่วมกัน คือ การมุ่งเน้นที่การสร้างคุณค่าและความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัส การพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายจึงไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงบางส่วนของธุรกิจ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและวัฒนธรรมองค์กรทั้งหมดให้มุ่งเน้นที่ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

ถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจของคุณจะยกระดับประสบการณ์ลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายแบบก้าวกระโดด ด้วยการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือความคาดหมาย คุณไม่เพียงแค่สร้างการซื้อซ้ำ แต่ยังเปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดของคุณ ไม่เพียงเท่านั้น Cipher สามารถช่วยให้การบริหารประสบการณ์ลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกลยุทธ์ที่จะช่วยลดต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ และเพิ่มมูลค่าตลอดอายุของลูกค้า (Customer Lifetime Value) ได้อีกด้วย!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Customer Experience

Customer Experience สำคัญอย่างไรต่อยอดขายของธุรกิจ?

Customer Experience มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อยอดขายของธุรกิจ เพราะประสบการณ์ที่ดีนำไปสู่ความภักดีและการซื้อซ้ำ การพัฒนา Customer Experience จึงไม่เพียงเพิ่มยอดขายในระยะสั้น แต่ยังสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว ลดต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ และเพิ่มมูลค่าตลอดอายุของลูกค้า (Customer Lifetime Value)

ธุรกิจขนาดเล็กสามารถพัฒนา Customer Experience ได้อย่างไรบ้าง?

ธุรกิจขนาดเล็กมีข้อได้เปรียบในการพัฒนา Customer Experience เพราะสามารถปรับตัวได้เร็วและสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลูกค้า โดยสามารถทำได้ดังนี้

  • รวบรวมข้อมูลลูกค้าอย่างง่าย ๆ ผ่านการพูดคุย หรือแบบสอบถามสั้น ๆ
  • ใช้เครื่องมือฟรีหรือราคาประหยัด เช่น Google Forms หรือ Social Media สำหรับรับฟีดแบ็ก
  • เน้นฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจความสำคัญของ CX และมีทักษะการบริการที่ดี
  • ปรับปรุงจุดสัมผัสสำคัญที่มีผลกระทบสูงก่อน เช่น กระบวนการขายและการแก้ไขปัญหา
  • สร้างระบบติดตามผลลัพธ์ เช่น อัตราลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำหรือคะแนนความพึงพอใจ
  • ใช้ความเป็นส่วนตัวของธุรกิจเป็นจุดแข็งในการสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่เฉพาะตัว

จะวัดความสำเร็จของ Customer Experience Management อย่างไร?

การวัดความสำเร็จของ Customer Experience Management ควรใช้ทั้งตัวชี้วัดเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยมีตัวชี้วัดสำคัญดังนี้

  • Net Promoter Score (NPS): วัดความเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะแนะนำธุรกิจของคุณให้ผู้อื่น
  • Customer Satisfaction Score (CSAT): วัดความพึงพอใจของลูกค้าต่อการมีปฏิสัมพันธ์หรือการใช้บริการ
  • Customer Effort Score (CES): วัดความง่ายในการใช้บริการหรือการแก้ไขปัญหาของลูกค้า
  • Customer Retention Rate: อัตราการรักษาลูกค้า ซึ่งบ่งชี้ถึงความภักดีของลูกค้า
  • Customer Lifetime Value (CLV): มูลค่าของลูกค้าตลอดระยะเวลาที่เป็นลูกค้า
  • Conversion Rate: อัตราการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้เป็นลูกค้า
  • เสียงของลูกค้า (VOC): ข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ การสำรวจความคิดเห็น และข้อเสนอแนะของลูกค้า

นอกจากนี้ ควรวิเคราะห์แนวโน้มของตัวชี้วัดเหล่านี้เทียบกับการลงทุนในการพัฒนา Customer Experience เพื่อประเมินประสิทธิภาพและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)

อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Customer Service กับ Customer Experience?

แม้ Customer Service และ Customer Experience จะมีความเกี่ยวข้องกัน แต่มีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้

Customer Service (การบริการลูกค้า)

  • เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Customer Experience
  • มักเกี่ยวข้องกับการตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า
  • มักเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าติดต่อธุรกิจเพื่อขอความช่วยเหลือ
  • เน้นการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงระหว่างพนักงานกับลูกค้า
  • วัดผลจากการแก้ไขปัญหาและความพึงพอใจเฉพาะจุด

Customer Experience (ประสบการณ์ลูกค้า)

  • ครอบคลุมทุกจุดสัมผัสระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ตลอดทั้งการเดินทางของลูกค้า
  • เกี่ยวข้องกับความรู้สึก อารมณ์ และการรับรู้ทั้งหมดของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์
  • เกิดขึ้นตั้งแต่ลูกค้ารู้จักแบรนด์ ระหว่างการซื้อ การใช้สินค้า ไปจนถึงหลังการซื้อ
  • เกี่ยวข้องกับทุกแผนกในองค์กร ไม่ใช่เพียงฝ่ายบริการลูกค้า
  • มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและความภักดีต่อแบรนด์

โดย Customer Service เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของ Customer Experience ซึ่งเป็นภาพรวมทั้งหมดของปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ การพัฒนา Customer Experience เพิ่มยอดขายจึงต้องพิจารณาทุกจุดสัมผัสอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เพียงแค่ปรับปรุงการบริการลูกค้าเท่านั้น

Scroll to Top