5 ตัวอย่าง Customer Experience ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

5 ตัวอย่าง Customer Experience ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

Table of Contents

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ Customer Experience (CX) คือ กุญแจสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของคุณ Customer Experience แปลว่า “ประสบการณ์ของลูกค้า” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่ จากผลการวิจัยของ PWC พบว่า กว่า 85% ของลูกค้ายินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ดีกว่า และจากการสำรวจของ Gartner พบว่า 89% ของธุรกิจแข่งขันกันที่ Customer Experience เป็นหลัก ซึ่งหลายบริษัทเริ่มลงทุนกับการพัฒนา Customer Experience เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

Customer Experience คืออะไร? การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าประทับใจ

Customer Experience (CX) คือ ประสบการณ์โดยรวมที่ลูกค้าได้รับจากการติดต่อหรือใช้สินค้าและบริการของธุรกิจ ตั้งแต่ก่อนการตัดสินใจซื้อ ระหว่างการซื้อขาย ไปจนถึงหลังการขาย โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความพึงพอใจในการใช้งานผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่รวมถึงทุกปฏิสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีกับแบรนด์ การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญในยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถเสริมด้วยการใช้ระบบ CRM ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อจัดการข้อมูลและความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ

CX แตกต่างจาก Customer Service อย่างไร? Customer Service ทำอะไรบ้าง นั้น จะเน้นที่การแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในขณะที่เกิดปัญหา เช่น การช่วยเหลือลูกค้าเมื่อมีคำถาม การแก้ไขปัญหาเมื่อสินค้ามีปัญหา การรับเรื่องร้องเรียน ในขณะที่ Customer Experience มองภาพรวมที่กว้างกว่า โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจตลอดการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey)

ทำไม Customer Experience ถึงมีความสำคัญต่อธุรกิจ?

การสร้าง Customer Experience ที่ดีมีประโยชน์มากมายต่อธุรกิจ ดังนี้:

  • ช่วยเพิ่มยอดขาย – ลูกค้าที่มีประสบการณ์ที่ดีมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำและซื้อในปริมาณที่มากขึ้น
  • สร้างโอกาสการซื้อซ้ำ – เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะกลับมาใช้บริการอีก
  • เพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ – ลูกค้าที่ประทับใจจะกลายเป็น Brand Lover ซึ่งทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
  • กระตุ้นการบอกต่อ – จากการศึกษาพบว่า ลูกค้าที่ประทับใจจะมีแนวโน้มแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่ผู้อื่นมากขึ้นถึง 3 เท่า
  • ประหยัดต้นทุน – การรักษาลูกค้าเก่า (Customer Retention) มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ (Customer Acquisition) โดยการเพิ่มขึ้นเพียง 5% ของการรักษาลูกค้าเก่าสามารถเพิ่มกำไรได้ถึง 25%

องค์ประกอบหลักในการสร้าง Customer Experience Marketing

Customer Experience Marketing คือ การนำประสบการณ์ของลูกค้ามาเป็นศูนย์กลางในการวางแผนการตลาด โดยการสร้าง Customer Experience ที่ดีประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ:

  1. Discovery – การสำรวจและทำความเข้าใจลูกค้า เพื่อให้รู้จักว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร มีความต้องการและพฤติกรรมแบบไหน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการเก็บข้อมูลเพื่อวางแผนกลยุทธ์ การวางแผนนี้ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) ที่ครอบคลุม
  2. Engagement – การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้า ทำให้เกิดความพึงพอใจทั้งในสินค้าและบริการ รวมถึง Experience การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่สะดวกและเข้าถึงง่าย
  3. Delivery – การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีไปสู่ลูกค้า โดยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบเพิ่มเติมที่ช่วยเสริมการสร้าง Customer Experience ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น:

  • ข้อมูลความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า – การใช้ระบบ CRM เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า
  • Personalization Marketing – การทำการตลาดเฉพาะบุคคลเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละคน
  • ความสะดวกในการเข้าถึง – การทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและช่องทางการติดต่อได้อย่างสะดวก
  • ความสม่ำเสมอ – การสร้าง Customer Experience อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
    การสร้างความผูกพันทางอารมณ์ – การสร้างความรู้สึกเชิงบวกให้กับลูกค้า เช่น ความสนุกสนาน ความตื่นเต้น หรือความชื่นชม

5 ตัวอย่าง Customer Experience ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

ถ้าคุณกำลังมองหา Customer Experience ตัวอย่าง ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ เรามี 5 ตัวอย่าง Customer Experience ที่น่าสนใจมานำเสนอดังนี้

1. การสร้างประสบการณ์แบบ Personalization ของ Netflix

Netflix ประสบความสำเร็จในการสร้าง Customer Experience ด้วยการนำข้อมูลการรับชมของลูกค้ามาวิเคราะห์ พวกเขาให้ความสำคัญกับ Insight ของลูกค้าเป็นรายบุคคล โดยศึกษาว่าลูกค้าแต่ละคนชอบดูคอนเทนต์แบบไหน ภาพยนตร์เรื่องใดที่ดูจนจบหรือข้ามไป แล้วจึงนำข้อมูลเหล่านี้มาแนะนำเนื้อหาที่ตรงกับความชอบของลูกค้าแต่ละคน ฟังก์ชันนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนมี “เพื่อนคู่คิด” ที่เข้าใจความต้องการของพวกเขาได้อย่างลึกซึ้ง ส่งผลให้ลูกค้ามีความพึงพอใจและกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

2. ระบบการให้บริการแบบ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ

ปัจจุบัน ลูกค้ามักใช้หลายช่องทางในการติดต่อกับแบรนด์ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจึงต้องสร้างประสบการณ์ที่สอดคล้องกันในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ จากผลสำรวจพบว่า 79% ของผู้ตอบแบบสอบถามยืนยันว่าการให้บริการในทุกช่องทางที่ลูกค้าใช้เป็นสิ่งสำคัญ การบริหารจัดการโซเชียลมีเดียที่ดีจึงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ Omnichannel

ตัวอย่างเช่น แบรนด์รถยนต์ BMW สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าตั้งแต่การทดลองขับ การทำไฟแนนซ์ การส่งมอบรถ ไปจนถึงการบริการหลังการขาย โดยมีความสอดคล้องกันในทุกช่องทางการติดต่อ ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง

3. ระบบบริการลูกค้าที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

ลูกค้าในปัจจุบันคาดหวังการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว จากการสำรวจพบว่า 67% ของลูกค้าคาดหวังการแก้ไขปัญหาภายใน 3 ชั่วโมง โดย 21% คาดหวังการแก้ไขทันที 23% จะรอคำตอบสูงสุดหนึ่งชั่วโมง และอีก 23% สามารถรอได้นานถึง 3 ชั่วโมง

ธุรกิจที่ตอบสนองต่อคำถามและปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับความสำคัญ ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบ Live Chat บนเว็บไซต์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลและได้รับคำตอบในทันที

4. การให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า

การเปิดรับความคิดเห็นจากลูกค้าและนำไปปรับปรุงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้าง Customer Experience ที่ดี โดยธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลผ่านหลายช่องทาง เช่น แบบสำรวจความพึงพอใจ, โซเชียลมีเดีย, การติดตามคำวิจารณ์ออนไลน์ หรือการสอบถามโดยตรงจากพนักงานที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างดี

จากข้อมูลผลสำรวจพบว่า 25% ของผู้นำด้าน Customer Service ให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจและนำข้อเสนอแนะของลูกค้าไปปรับใช้ นอกจากนี้ การแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณได้นำข้อเสนอแนะของพวกเขาไปปรับปรุงสินค้าหรือบริการ จะช่วยสร้างความประทับใจและความภักดีต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

5. การสร้างชุมชนและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์

การสร้างชุมชนสำหรับลูกค้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้าง Customer Experience ที่ดี ธุรกิจสามารถใช้โซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสร้างพื้นที่ให้ลูกค้าได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แบ่งปันเรื่องราว และให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน

ตัวอย่างที่ดี คือ โปรแกรมสมาชิกที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับลูกค้าประจำ เช่น ส่วนลด สิทธิพิเศษ หรือการเข้าถึงสินค้าและบริการก่อนใคร ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์และมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำมากขึ้น จากผลสำรวจพบว่า 31% ของผู้นำด้าน Customer Service ให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนาการรักษาและความภักดีของลูกค้า

กลยุทธ์ 5 วิธีที่จะสร้าง Customer Experience ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณ

เพื่อยกระดับ Customer Experience ของธุรกิจคุณ ลองพิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้:

  • มอบอำนาจให้แก่พนักงาน – ให้พนักงานมีอำนาจในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านหลายขั้นตอน
  • ให้คุณค่ากับความคิดของพนักงาน – พนักงานที่ใกล้ชิดกับลูกค้าจะเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดี ดังนั้น การรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาจึงสำคัญ
  • ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า – เทคโนโลยีอย่าง AI, แชทบอท หรือระบบ CRM สามารถช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็วและตรงความต้องการ
  • พร้อมรับความคิดเห็นจากทุกช่องทาง – ใช้แนวคิด Omnichannel ในการรับฟังและตอบสนองต่อลูกค้าในทุกช่องทาง
  • ใช้วิธีการจากบนลงล่าง – เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางและใช้มุมมองของลูกค้าในการวางแผนกลยุทธ์

เครื่องมือที่ช่วยในการสร้าง Customer Experience

การสร้าง Customer Experience ที่ดีต้องอาศัยเครื่องมือที่เหมาะสม ต่อไปนี้คือเครื่องมือที่สามารถช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้:

  • ระบบ CRM – ช่วยในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทำให้คุณเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
  • LINE Official Account – ช่องทางสำหรับการสื่อสารกับลูกค้าแบบตัวต่อตัว และสามารถสร้าง Rich Menu เพื่อรวบรวมช่องทางการติดต่อไว้ในที่เดียว
  • Facebook Fanpage – ใช้สำหรับสร้างคอนเทนต์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถใช้วัดผลความพึงพอใจได้
  • Application – การสร้างแอปพลิเคชันเฉพาะของแบรนด์ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
  • Customer Experience Management Tools – เครื่องมือเฉพาะทางที่ช่วยในการบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้า เช่น Hubspot, SatMetrix, Podium เป็นต้น

การวัดผลความสำเร็จของ Customer Experience

การวัดผลความสำเร็จของ Customer Experience เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์ ต่อไปนี้คือวิธีการวัดผลที่นิยมใช้:

  1. Customer Effort Score (CES) – วัดความสะดวกสบายในการใช้งานสินค้าหรือบริการ
  2. Net Promoter Score (NPS) – วัดความเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะแนะนำสินค้าหรือบริการให้กับผู้อื่น
  3. Customer Satisfaction Score (CSAT) – วัดความพึงพอใจของลูกค้าโดยตรง
  4. Time To Resolution (TTR) – วัดระยะเวลาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า

นอกจากการวัดผลด้วยคะแนนต่างๆ แล้ว ผลกำไรและยอดขายที่เพิ่มขึ้นก็เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของความสำเร็จในการสร้าง Customer Experience ที่ดี จากการศึกษาพบว่า ลูกค้าที่มีประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าซ้ำและยินดีแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ผู้อื่นมากขึ้นถึง 3 เท่า

บริการของเรา

Cipher เป็นบริษัทเอเจนซี่ Digital Marketing แบบครบวงจร ที่เชี่ยวชาญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของคุณ เรามีบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของคุณ:

  • การวิเคราะห์และเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า – เราช่วยคุณทำความเข้าใจลูกค้าของคุณอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจ
  • การพัฒนากลยุทธ์ Customer Experience – เราออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า
  • การพัฒนาระบบ CRM – เราช่วยคุณจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุด
  • การสร้างและบริหารจัดการช่องทางการสื่อสาร – เราช่วยคุณพัฒนาและบริหารจัดการช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์
  • การวัดผลและวิเคราะห์ Customer Experience – เราช่วยคุณวัดผลความสำเร็จของกลยุทธ์ Customer Experience และให้คำแนะนำในการปรับปรุง

ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกระบบ CMS ที่เหมาะสมเพื่อพัฒนา Customer Experience ของธุรกิจคุณให้ดียิ่งขึ้น

สรุป: ความสำคัญของ 5 ตัวอย่าง Customer Experience ที่ดี

Customer Experience (CX) เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจในยุคปัจจุบัน Customer Experience แปลว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัส ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย สร้างความภักดีต่อแบรนด์ และกระตุ้นการบอกต่อ อันเป็นการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด Customer Experience Marketing จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจสมัยใหม่ไม่อาจมองข้าม

จากตัวอย่างทั้ง 5 ที่เราได้นำเสนอ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างประสบการณ์แบบ Personalization, ระบบการให้บริการแบบ Omnichannel, การตอบสนองอย่างรวดเร็ว, การรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า และการสร้างชุมชน ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า

การลงทุนในการสร้าง Customer Experience ที่ดีจึงเป็นกลยุทธ์ที่คุ้มค่าและยั่งยืนสำหรับธุรกิจในทุกขนาด ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าและมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพวกเขา จะมีโอกาสประสบความสำเร็จและเติบโตในระยะยาวมากกว่าคู่แข่ง

เริ่มต้นสร้าง Customer Experience ที่ดีให้กับลูกค้าของคุณวันนี้ และดูธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต!”

คำถามที่พบบ่อย

Customer Experience แปลว่าอะไร?

Customer experience แปลว่า “ประสบการณ์ของลูกค้า” ซึ่งหมายถึงความรู้สึกและประสบการณ์ทั้งหมดที่ลูกค้าได้รับจากการมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ตั้งแต่ก่อนซื้อ ระหว่างซื้อ และหลังการซื้อ

Customer Experience มีหน้าที่อะไร?

หน้าที่ของ Customer Experience คือ การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัส (touchpoint) ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ เพื่อสร้างความพึงพอใจ ความภักดี และกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ

Customer Experience Management คืออะไร?

Customer Experience Management (CXM) คือ กระบวนการบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้าอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และปรับปรุงปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ในทุกช่องทาง เพื่อสร้างความพึงพอใจและความภักดีในระยะยาว

Customer Experience Specialist คืออะไร?

Customer Experience Specialist คือ ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่วางแผน ออกแบบ และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า โดยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พัฒนากลยุทธ์ในการสร้างความประทับใจ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

Customer Journey คืออะไร?

Customer Journey คือ แผนผังที่แสดงเส้นทางการเดินทางของลูกค้าในการมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่รู้จักแบรนด์ ไปจนถึงการซื้อสินค้าและบริการหลังการขาย แสดงให้เห็นทุกจุดสัมผัส ความรู้สึก และประสบการณ์ของลูกค้าตลอดเส้นทาง
Scroll to Top