Table of Contents
ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ Customer Experience (CX) คือ กุญแจสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของคุณ Customer Experience แปลว่า “ประสบการณ์ของลูกค้า” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่ จากผลการวิจัยของ PWC พบว่า กว่า 85% ของลูกค้ายินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ดีกว่า และจากการสำรวจของ Gartner พบว่า 89% ของธุรกิจแข่งขันกันที่ Customer Experience เป็นหลัก ซึ่งหลายบริษัทเริ่มลงทุนกับการพัฒนา Customer Experience เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
Customer Experience คืออะไร? การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าประทับใจ
Customer Experience (CX) คือ ประสบการณ์โดยรวมที่ลูกค้าได้รับจากการติดต่อหรือใช้สินค้าและบริการของธุรกิจ ตั้งแต่ก่อนการตัดสินใจซื้อ ระหว่างการซื้อขาย ไปจนถึงหลังการขาย โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความพึงพอใจในการใช้งานผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่รวมถึงทุกปฏิสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีกับแบรนด์ การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญในยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถเสริมด้วยการใช้ระบบ CRM ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อจัดการข้อมูลและความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ
CX แตกต่างจาก Customer Service อย่างไร? Customer Service ทำอะไรบ้าง นั้น จะเน้นที่การแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในขณะที่เกิดปัญหา เช่น การช่วยเหลือลูกค้าเมื่อมีคำถาม การแก้ไขปัญหาเมื่อสินค้ามีปัญหา การรับเรื่องร้องเรียน ในขณะที่ Customer Experience มองภาพรวมที่กว้างกว่า โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจตลอดการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey)
ทำไม Customer Experience ถึงมีความสำคัญต่อธุรกิจ?
การสร้าง Customer Experience ที่ดีมีประโยชน์มากมายต่อธุรกิจ ดังนี้:
- ช่วยเพิ่มยอดขาย – ลูกค้าที่มีประสบการณ์ที่ดีมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำและซื้อในปริมาณที่มากขึ้น
- สร้างโอกาสการซื้อซ้ำ – เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะกลับมาใช้บริการอีก
- เพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ – ลูกค้าที่ประทับใจจะกลายเป็น Brand Lover ซึ่งทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
- กระตุ้นการบอกต่อ – จากการศึกษาพบว่า ลูกค้าที่ประทับใจจะมีแนวโน้มแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่ผู้อื่นมากขึ้นถึง 3 เท่า
- ประหยัดต้นทุน – การรักษาลูกค้าเก่า (Customer Retention) มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ (Customer Acquisition) โดยการเพิ่มขึ้นเพียง 5% ของการรักษาลูกค้าเก่าสามารถเพิ่มกำไรได้ถึง 25%
องค์ประกอบหลักในการสร้าง Customer Experience Marketing
Customer Experience Marketing คือ การนำประสบการณ์ของลูกค้ามาเป็นศูนย์กลางในการวางแผนการตลาด โดยการสร้าง Customer Experience ที่ดีประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ:
- Discovery – การสำรวจและทำความเข้าใจลูกค้า เพื่อให้รู้จักว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร มีความต้องการและพฤติกรรมแบบไหน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการเก็บข้อมูลเพื่อวางแผนกลยุทธ์ การวางแผนนี้ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) ที่ครอบคลุม
- Engagement – การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้า ทำให้เกิดความพึงพอใจทั้งในสินค้าและบริการ รวมถึง Experience การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่สะดวกและเข้าถึงง่าย
- Delivery – การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีไปสู่ลูกค้า โดยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบเพิ่มเติมที่ช่วยเสริมการสร้าง Customer Experience ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น:
- ข้อมูลความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า – การใช้ระบบ CRM เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า
- Personalization Marketing – การทำการตลาดเฉพาะบุคคลเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละคน
- ความสะดวกในการเข้าถึง – การทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและช่องทางการติดต่อได้อย่างสะดวก
- ความสม่ำเสมอ – การสร้าง Customer Experience อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
การสร้างความผูกพันทางอารมณ์ – การสร้างความรู้สึกเชิงบวกให้กับลูกค้า เช่น ความสนุกสนาน ความตื่นเต้น หรือความชื่นชม
5 ตัวอย่าง Customer Experience ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
1. การสร้างประสบการณ์แบบ Personalization ของ Netflix
2. ระบบการให้บริการแบบ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ
ปัจจุบัน ลูกค้ามักใช้หลายช่องทางในการติดต่อกับแบรนด์ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจึงต้องสร้างประสบการณ์ที่สอดคล้องกันในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ จากผลสำรวจพบว่า 79% ของผู้ตอบแบบสอบถามยืนยันว่าการให้บริการในทุกช่องทางที่ลูกค้าใช้เป็นสิ่งสำคัญ การบริหารจัดการโซเชียลมีเดียที่ดีจึงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ Omnichannel
ตัวอย่างเช่น แบรนด์รถยนต์ BMW สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าตั้งแต่การทดลองขับ การทำไฟแนนซ์ การส่งมอบรถ ไปจนถึงการบริการหลังการขาย โดยมีความสอดคล้องกันในทุกช่องทางการติดต่อ ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
3. ระบบบริการลูกค้าที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
ลูกค้าในปัจจุบันคาดหวังการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว จากการสำรวจพบว่า 67% ของลูกค้าคาดหวังการแก้ไขปัญหาภายใน 3 ชั่วโมง โดย 21% คาดหวังการแก้ไขทันที 23% จะรอคำตอบสูงสุดหนึ่งชั่วโมง และอีก 23% สามารถรอได้นานถึง 3 ชั่วโมง
ธุรกิจที่ตอบสนองต่อคำถามและปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับความสำคัญ ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบ Live Chat บนเว็บไซต์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลและได้รับคำตอบในทันที
4. การให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า
การเปิดรับความคิดเห็นจากลูกค้าและนำไปปรับปรุงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้าง Customer Experience ที่ดี โดยธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลผ่านหลายช่องทาง เช่น แบบสำรวจความพึงพอใจ, โซเชียลมีเดีย, การติดตามคำวิจารณ์ออนไลน์ หรือการสอบถามโดยตรงจากพนักงานที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างดี
จากข้อมูลผลสำรวจพบว่า 25% ของผู้นำด้าน Customer Service ให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจและนำข้อเสนอแนะของลูกค้าไปปรับใช้ นอกจากนี้ การแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณได้นำข้อเสนอแนะของพวกเขาไปปรับปรุงสินค้าหรือบริการ จะช่วยสร้างความประทับใจและความภักดีต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
5. การสร้างชุมชนและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
การสร้างชุมชนสำหรับลูกค้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้าง Customer Experience ที่ดี ธุรกิจสามารถใช้โซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสร้างพื้นที่ให้ลูกค้าได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แบ่งปันเรื่องราว และให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน
ตัวอย่างที่ดี คือ โปรแกรมสมาชิกที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับลูกค้าประจำ เช่น ส่วนลด สิทธิพิเศษ หรือการเข้าถึงสินค้าและบริการก่อนใคร ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์และมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำมากขึ้น จากผลสำรวจพบว่า 31% ของผู้นำด้าน Customer Service ให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนาการรักษาและความภักดีของลูกค้า
กลยุทธ์ 5 วิธีที่จะสร้าง Customer Experience ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณ
เพื่อยกระดับ Customer Experience ของธุรกิจคุณ ลองพิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้:
- มอบอำนาจให้แก่พนักงาน – ให้พนักงานมีอำนาจในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านหลายขั้นตอน
- ให้คุณค่ากับความคิดของพนักงาน – พนักงานที่ใกล้ชิดกับลูกค้าจะเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดี ดังนั้น การรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาจึงสำคัญ
- ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า – เทคโนโลยีอย่าง AI, แชทบอท หรือระบบ CRM สามารถช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็วและตรงความต้องการ
- พร้อมรับความคิดเห็นจากทุกช่องทาง – ใช้แนวคิด Omnichannel ในการรับฟังและตอบสนองต่อลูกค้าในทุกช่องทาง
- ใช้วิธีการจากบนลงล่าง – เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางและใช้มุมมองของลูกค้าในการวางแผนกลยุทธ์
เครื่องมือที่ช่วยในการสร้าง Customer Experience
การสร้าง Customer Experience ที่ดีต้องอาศัยเครื่องมือที่เหมาะสม ต่อไปนี้คือเครื่องมือที่สามารถช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้:
- ระบบ CRM – ช่วยในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทำให้คุณเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
- LINE Official Account – ช่องทางสำหรับการสื่อสารกับลูกค้าแบบตัวต่อตัว และสามารถสร้าง Rich Menu เพื่อรวบรวมช่องทางการติดต่อไว้ในที่เดียว
- Facebook Fanpage – ใช้สำหรับสร้างคอนเทนต์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถใช้วัดผลความพึงพอใจได้
- Application – การสร้างแอปพลิเคชันเฉพาะของแบรนด์ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
- Customer Experience Management Tools – เครื่องมือเฉพาะทางที่ช่วยในการบริหารจัดการประสบการณ์ของลูกค้า เช่น Hubspot, SatMetrix, Podium เป็นต้น
การวัดผลความสำเร็จของ Customer Experience
การวัดผลความสำเร็จของ Customer Experience เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์ ต่อไปนี้คือวิธีการวัดผลที่นิยมใช้:
- Customer Effort Score (CES) – วัดความสะดวกสบายในการใช้งานสินค้าหรือบริการ
- Net Promoter Score (NPS) – วัดความเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะแนะนำสินค้าหรือบริการให้กับผู้อื่น
- Customer Satisfaction Score (CSAT) – วัดความพึงพอใจของลูกค้าโดยตรง
- Time To Resolution (TTR) – วัดระยะเวลาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า
นอกจากการวัดผลด้วยคะแนนต่างๆ แล้ว ผลกำไรและยอดขายที่เพิ่มขึ้นก็เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของความสำเร็จในการสร้าง Customer Experience ที่ดี จากการศึกษาพบว่า ลูกค้าที่มีประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าซ้ำและยินดีแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ผู้อื่นมากขึ้นถึง 3 เท่า
บริการของเรา
Cipher เป็นบริษัทเอเจนซี่ Digital Marketing แบบครบวงจร ที่เชี่ยวชาญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของคุณ เรามีบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของคุณ:
- การวิเคราะห์และเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า – เราช่วยคุณทำความเข้าใจลูกค้าของคุณอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจ
- การพัฒนากลยุทธ์ Customer Experience – เราออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า
- การพัฒนาระบบ CRM – เราช่วยคุณจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุด
- การสร้างและบริหารจัดการช่องทางการสื่อสาร – เราช่วยคุณพัฒนาและบริหารจัดการช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์
- การวัดผลและวิเคราะห์ Customer Experience – เราช่วยคุณวัดผลความสำเร็จของกลยุทธ์ Customer Experience และให้คำแนะนำในการปรับปรุง
ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกระบบ CMS ที่เหมาะสมเพื่อพัฒนา Customer Experience ของธุรกิจคุณให้ดียิ่งขึ้น
สรุป: ความสำคัญของ 5 ตัวอย่าง Customer Experience ที่ดี
Customer Experience (CX) เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจในยุคปัจจุบัน Customer Experience แปลว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัส ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย สร้างความภักดีต่อแบรนด์ และกระตุ้นการบอกต่อ อันเป็นการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด Customer Experience Marketing จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจสมัยใหม่ไม่อาจมองข้าม
จากตัวอย่างทั้ง 5 ที่เราได้นำเสนอ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างประสบการณ์แบบ Personalization, ระบบการให้บริการแบบ Omnichannel, การตอบสนองอย่างรวดเร็ว, การรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า และการสร้างชุมชน ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า
การลงทุนในการสร้าง Customer Experience ที่ดีจึงเป็นกลยุทธ์ที่คุ้มค่าและยั่งยืนสำหรับธุรกิจในทุกขนาด ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าและมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพวกเขา จะมีโอกาสประสบความสำเร็จและเติบโตในระยะยาวมากกว่าคู่แข่ง
เริ่มต้นสร้าง Customer Experience ที่ดีให้กับลูกค้าของคุณวันนี้ และดูธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต!”
คำถามที่พบบ่อย
Customer Experience แปลว่าอะไร?
Customer Experience มีหน้าที่อะไร?
หน้าที่ของ Customer Experience คือ การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัส (touchpoint) ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ เพื่อสร้างความพึงพอใจ ความภักดี และกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ