Magento 1 มีการเปิดตัวมานานหลายปีแล้ว ซึ่งต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2008 กันเลย โดยการเปิดตัวว่าเป็นแพลตฟอร์มแบบ open source, ซึ่งในตอนเริ่มต้น Magento ตั้งเป้าหมายไว้ที่กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง (SMB) และกว่า 8 ปีที่ผ่านมาแพลตฟอร์มนี้ก็ครองใจกลุ่มธุรกิจ SMB eCommerce อย่างเข้มแข็ง จนถึงตอนนี้ 25% ของร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกก็ยังทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มของ Magento.

Magento 1: เนื้อหาสำคัญ

ด้วยแพลตฟอร์มสามแบบที่มีการใช้งานตอนนี้ ได้แก่ Magento 1 Community Edition (CE), Magento 1 Enterprise Edition (EE), และที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด Magento 2 – จึงทำให้แพลตฟอร์มนี้มีระดับความสามารถในการปรับขนาดและการควบคุมที่ไม่มีขีดจำกัด และด้วยการตั้งต้นที่เป็นโอเพนซอร์สยิ่งทำให้ทั้งกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์และบริษัทพัฒนาระบบ สามารถสร้างExtension, ธีมและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เรียนกได้ว่าMagentoสามารถลบช่องโหว่ในตลาดโดยการจัดเตรียมโซลูชันที่หลายธุรกิจต้องการ และพวกเขาสามารถควบคุมดูแลมันได้ พวกเขาสามารถปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของตนได้ และแม้กระทั่งโฮสต์พื้นที่เองถ้าต้องการ มันบ่งบอกได้อย่างดีว่า Magento 1 นั้นสร้างความน่าทึ่งได้ด้วยตัวมันเอง

Magento 2: ที่มาที่ไป

เราได้ยินเกี่ยวกับ Magento 2 ครั้งแรกในปี 2010 ในตอนนั้นมีข่าวว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงปลายปี 2011 แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นเพราะสาเหตุหลายๆ อย่างในส่วนของเบื้องหลัง ในตอนนั้นบริษัทแม่ของ eBay ได้ซื้อ Magento ไว้กว่า 49% ในช่วงต้น 2011 และซื้อส่วนที่เหลือในช่วงปลายปีนั้นเอง

ภายใต้ทิศทางของ eBay บริษัทได้หันมาให้ความสำคัญกับ Magento 2 เป็นอย่างมาก ในการมุ่งเน้นไปที่การจัดการสั่งซื้อสินค้าในธุรกิจของตัวเอง โดยพวกเขาพยายามที่จะสร้างระบบ ECO ที่เรียกว่า “X.Commerce” ซึ่งล้มเหลวไม่เป็นท่าอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายแล้วจากสถานการณ์นั้น eBay ก็ต้องดองการเปิดตัว Magento 2 ไว้อีกระยะ และพยายามจะใช้มันในโปรเจคอื่นๆ ในระหว่างที่เป็นเจ้าของบริษัทอยู่

แต่งานก็จะต้องเดินหน้าต่อ แม้ว่าจะช้ากว่าที่กำหนดก็ตาม เนื่องจาก Magento 2.0 Release Candidate (RC) ได้เปิดตัวสู่ชุมชนนักพัฒนาระบบ Magento เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2014 ซึ่งทำให้เกิดความคิดเห็นเกี่ยวกับมันต่างกันออกไป เช่น หลายๆ ปัญหาที่เคยพบบ่อยที่สุดกับ Magento 1 ก็ได้รับการแก้ไข แต่ Magento 2 มาพร้อมกับชุดปัญหาของตัวเองด้วยเช่นกัน และมันก็ยากที่จะทำการติดตั้ง รวมถึงขาดแคลนผู้ที่สามารถดูและระบบได้ จึงจำเป็นมากที่ต้องมีการฝึกอบรมใหม่แถมด้วยเกือบทุกส่วนของ Platform และ Extension ก็ยากที่จะใช้งานด้วย และมีความเห็นพ้องต้องกันว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่รู้สึกระทับใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเปิดตัว 4 ปีให้หลัง หลังจากที่ได้รับการกล่าวถึงเมื่อครั้งแรกในปี 2010

อย่างไรก็ตาม ระบบก็ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการทำงานอีกครั้ง ในช่วงกลางปี 2015 หลังจากมีแยกตัวระหว่าง eBay และ PayPal โดย eBay ได้ขายระบบ Magento ให้กับกลุ่มนักลงทุนซึ่งหันมาสนใจที่จะใช้ Magento เป็นอีกหนึ่งธุรกิจอิสระ

แน่นอนว่านักลงทุนนั้นสามารถสร้างให้มันเติบโตในสายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วกว่ามาก เพราะเมื่อปลายปีที่แล้วมีการเปิดตัว Magento 2.0 เวอร์ชั่นล่าสุด ขณะที่เวอร์ชั่น 2.0 ก่อนหน้านี้มีช่วงการฟักตัวที่ยาวนานมาก และการเปิดตัวสู่โลกอีคอมเมิร์ซก็ทำได้ไม่ง่ายเลย ดังนั้นหลังจากที่ได้เป็นอิสระอย่างเต็มตัวอีกครั้ง Magentoก็ได้ทำการบ้านอย่างหนัก โดยคอยรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากผู้ใช้และแก้ไขปัญหาตามที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์บอก โดยในการประชุมใหญ่ Imagine 2016 เหล่าผู้นำองค์กรก็ได้ทำตามคำแนะนำมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าเหล่าผู้ประกอบธุรกิจจะได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นจากระบบได้

ข้อแตกต่างระหว่าง Platoform Magento 1 และ Magento 2

Magento 1.0+
API Added Retroactively
Flexible Architecture
Open Source (CE)
No Front-end Library
Legacy PHP
No Support for HTML5/CSS3
RWD Theme Included
Weak Content Staging
Sub-Par Search (SOLR)
External PayPal
Secure Bridge
Minimal Video Features
Full Page Cache (EE)
Severe DB Locking Issues
Decent Automated Tests
JS – Prototype
Huge Extension Marketplace
Stale Admin Panel (Backoffice)
No Data Grid
Admin Non-Responsive
EE Pricing by License
5-12 Month Project Cycle
Legacy Checkout
Popular Payment & Shipping Methods
“Wild West” Extension Market
Connect Store
Magento 2.0+
API is Core to the technology
New Architecture for Speed
Open Source (CE)
Ships with LESS
PHP5.6+ / 7.0
Native Support HTML5/CSS3
RWD Theme Included
Advanced Content Staging
Elastic Search (EE)
In-Site PayPal Experience
PCI Compliance Hosted Fields
Integrated Video (PDP)*
FPC (EE)/Varnish
Zero Table Locking (Checkout)
Better Automated Tests
JS – Jquery
Minimal Extensions for 2.0
Fresh New Design in Admin
Customizable Data Grid for Catalog
Responsive Admin Panel
EE Pricing by Order Volume
Claimed 4-8 Month Project Cycle*
Streamlined Checkout Process
Same Payment & Shipping Methods
Rigorous Extension Testing
New “Marketplace”

Magento 2 กับการเปลี่ยนแปลง

ที่บริษัทของเราเริ่มลังเลที่จะให้เหล่าผู้ประกอบการของเราพิจารณาใช้งาน Magento 2; เรียกได้ว่าว่า “ไม่มีใครอยากเสี่ยงเป็นหนูทดลอง” แม้ว่ามันจะมีความสามารถในการปรับแต่งและยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก แต่ว่าสำหรับExtension สำหรับ 2.0 ยังคงเป็นที่ขาดแคลนอยู่ แม้จะมีการปรับโฉมที่มากกว่า Magento 1 แต่ผลิตภัณฑ์แกะกล่องใหม่ นี้ก็ยังคงไม่เหมาะกับความต้องการของลูกค้าทั้งหมดของเราอยู่ดี เพราะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้น มันคุ้มกว่าถ้าจะจ่ายให้การสร้างฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยใช้ Extension ของ Magento 1

แต่ในที่สุดแล้ว หลังจากที่เปิดตัว Magento 2.1 ที่เปลี่ยนไปจาก 2.0 จากหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ทำให้หลายๆอย่างดีขึ้น เมื่อ Paul Boisvert หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Magento ได้ประกาศ เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ในการประImagine เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อแก้ไข Bugs ที่มีเป็นปัญหาหลัก, ติดตั้งการอัพเดทและแก้ไขความปลอดภัย, พร้อมกับเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ สำหรับการใช้งานเพื่อการค้าพาณิชย์โดยเฉพาะ

ส่วน นักพัฒนาระบบ Magento และ หุ้นส่วนก็รู้สึกโล่งอกไปตาม ๆ กัน เพราะหลังจากที่มีการเปิดตัวก็ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ที่น่าสนใจเข้ามาอีก เช่น Elastic Search, Content Staging, และการช่องทางจ่ายเงินผ่าน PayPal/Braintree ภายในเว็บไชต์ (เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องออกจากไซต์ของคุณ) แต่ใช้ได้เฉพาะเวอร์ชั่น Magento Enterprise และเพื่อการร้างผลกำไรที่มากขึ้น พวกเขาก็ทำการแยกชุดฟีเจอร์ ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดผู้ประกอบการให้สนใจมากขึ้น โดยการปรับปรุง Magento Enterprise 2.1. ด้วยเช่นกัน

ค่าใช้จ่ายของ Magento 2.0

ราคาของ Enterprise เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมา เพราะจากการเปิดตัว Magento 2.0 ได้ยกเลิกโมเดลการกำหนดราคาใบอนุญาตต่อราย ที่เคยได้รับความนิยมจาก Magento 1 เพื่อสนับสนุนการใช้รูปแบบรายได้ใหม่แทน

โครงสร้างการกำหนดราคาใหม่ขึ้นอยู่กับระดับของปริมาณสินค้ารวม (GMV) กลยุทธ์นี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการในช่วงเวลาการขายที่มีปริมาณมากและมีการเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น ด้วยโครงสร้างใหม่นี้ร้านค้าจะไม่ถูกลงโทษสำหรับการปั่นเซิร์ฟเวอร์ใหม่เพื่อจัดการกับทราฟฟิคของการโหลดมากมายเหล่านี้ และพวกเขาก็จ่ายค่าธรรมเนียมเพียงแค่ครั้งเดียว

หลายคนบอกว่าโครงสร้างการกำหนดราคาใหม่นี้ มีข้อดีบางอย่างที่เป็นธรรมและก็มีทั้งข้อเสียด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ค้าที่ต้องคำนึงถึงก็คือ หากคุณคือผู้ค้าที่ต้องการผูกคุณสมบัติไว้กับเว็บหลายเว็บ (เช่น ไซต์แบบ B2B และ B2C เว็บพอร์ทัล ฯลฯ ) ในการติดตั้งเพียงครั้งเดียว อาจลองพิจารณาที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงลิบสำหรับใบอนุญาตของ Magento Enterprise ดูก็อาจจะคุ้มค่ากว่า อย่างไรก็ตาม Magento 2 ได้รับการยกย่องว่า มันสามารถเพิ่มความเร็วในการทำตลาด ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ค้าได้ในระยะยาว

การตัดสินของเรา

ด้วยการปรับปรุงฟังก์ชันการทำงานดั้งเดิมและความพร้อมใช้งานของ Extension ที่มากกว่า 350 รายการ ปัจจุบันนี้เรากำลังแนะนำ Magento 2.1 สำหรับลูกค้าที่เป็นผู้ค้าปลีกประเภทอีคอมเมิร์ซแบบเดียวและแบบหลายช่องทาง Magento 2 เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับกลุ่ม SMB ที่ต้องการก้าวต่อไปในระบบ Magento ecosystem หากคุณมีทีมที่ทุ่มเทให้กับการทำงาน 1-3 คน และมีกำลังจ่ายได้ครอบคลุมตั้งแต่ 5-10 ล้านบาทขึ้นไปแล้วล่ะก็ Magento 2 ถือเป็นทางออกที่มีค่า มากที่สุด และหากคุณเป็นผู้ขายที่กำลังใช้งาน Magento 1.0 ที่มีกำลังจ่ายมากกว่านั้น คุณก็ควรเริ่มคิดที่จะโยกย้ายแพลตฟอร์มไปยัง Magento 2 ภายใน 18 เดือนข้างหน้าได้แล้ว เพราะ Magento ได้ประกาศแล้วว่าพวกเขาจะให้การสนับสนุนรุ่น 1 ต่อไปอีกแค่ 3 ปี

ความห่วงใยที่เหลือของเราเพียงอย่างเดียวคือการผสานรวมการทำงานกับ ERPs และ CRMs ของบุคคลที่สาม แต่หากดูจากท่าทีการรับฟังข้อคิดเห็นและการปล่อยตัว 2.1 ที่ทำได้อย่างรวดเร็วแล้ว Magento ก็ได้พิสูจน์ด้วยการแก้ไขปรับปรุงตามข้อคิดเห็น และแสดงความจริงใจต่อความกังวลของคู่ค้า รวมทั้งพวกเขาก็ได้เริ่มดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ขายที่ต้องการฟังก์ชันข้อมูลส่วนกลางนี้แล้ว เราอาจจะไม่สามารถบอกถึงอนาคตโดยรวมของMagento มากกว่านี้ได้ในตอนนี้ แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่ากลุ่มผู้นำของ Magento มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะสร้างข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับ B2B ที่มีขนาดใหญ่,อีคอมเมิร์ซชั้นนำระดับโลกและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะทำให้การเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีกต่าง ๆ ดียิ่งขึ้นไปอีก. เราจึงรู้สึกมั่นใจและยังคงภูมิใจมากที่ได้เป็นพันธมิตรที่ได้การรับรองจาก Magento

และเราไม่ใช่แค่เจ้าเดียวที่รู้สึกดีมากกับแพลตฟอร์มนี้ Magento 2 ยังมียอดดาวน์โหลดของ Magento 2 Community และ Enterprise editionsกว่า 240,000 รายการ แถมด้วยร้านอีคอมเมิร์ซที่ใช้งานได้อีกกว่า 800 ร้าน และพันธมิตรกว่า 100 รายที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้วอย่างดี หากคุณเป็นผู้ค้าที่กำลังใช้งาน Magento หรือใครก็ตามที่กำลังพิจารณาจะใช้งานมันอยู่ คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า Magento Service ของ บริษัท Cipher Co., Ltd. และพันธมิตรรายอื่น ๆ จะอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือธุรกิจของคุณ