AI Assistant (Artificial Intelligence Assistant)

AI Assistant (Artificial Intelligence Assistant)

ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Assistant) คือ เทคโนโลยีพื้นฐานที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ในการพัฒนาระบบการจดจำเสียง (Voice Recognition), การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) และการสังเคราะห์เสียงพูด (Speech Synthesis) เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้ผ่านโทรศัพท์ แท็บเล็ต ลำโพง กล่องสตรีมมิ่ง อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอื่น ๆ หรือแอปพลิเคชั่นการจดจำเสียงที่ปัจจุบันมีการติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ ระบบสั่งการด้วยเสียงที่ได้รับความนิยม เช่น Alexa ของ Amazon, Cortana ของ Microsoft และ Google Assistant

Voice Assistants จะถูกนำมาใช้ในที่ทำงานด้วย 3 เหตุผลหลัก

  1. ช่วยจัดการงานทั่วไป

ในสภาพแวดล้อมการทำงานบางครั้งอาจจำเป็นต้องมีผู้ช่วยจัดการงานทั่วไปแบบอัตโนมัติ Voice Assistant สามารถช่วยจัดการงานทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่พนักงานกำลังปฏิบัติงานอื่น ๆ มันสามารถช่วยลดความยุ่งยากและอุปสรรคในการทำงาน ประหยัดเวลา และจัดการงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ เพื่อให้งานบรรลุเป้าหมายตามกำหนด ตัวอย่างเช่น การสั่งพิมพ์ด้วยเสียง, การสั่งเปิด/ปิด/หรี่ไฟภายในห้อง, การสั่งการกดปุ่มเพื่อทำอะไรบางอย่าง และการตั้งค่าให้มันทำอะไรบางอย่างอัตโนมัติ เป็นต้น

  1. ช่วยจัดการประชุมและเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร

บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเห็นพนักงานหลายคนใช้ลำโพงอัจฉริยะสำหรับงานต่าง ๆ ในระหว่างประชุม อย่างเช่น หากมีคนต้องการทราบข้อเท็จจริงหรือที่อยู่ Voice Assistant ก็สามารถช่วยค้นหาข้อมูลนั้นและให้คำตอบได้ นอกจากนี้มันยังช่วยจดบันทึกรายการและตั้งค่าการประชุมในปฏิทิน สร้างรายการที่ต้องทำและติดตามงานที่มอบหมาย สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ประหยัดเวลาและลดขั้นตอนการทำงานบางอย่างลงทำให้ผู้เข้าประชุมมีสมาธิในการประชุมมากขึ้น โดยเฉพาะการประชุมทางวิดีโอที่ต้องสื่อสารในเวลาจำกัดคุณอาจใช้ Voice Assistant ช่วยในการจดบันทึกการสนทนาและระบุประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม

  1. ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

คุณอาจใช้ Voice Assistant ช่วยในการค้นหารายงานหรือตัวเลขยอดขาย ช่วยรวบรวมสถิติการดำเนินงานอัตโนมัติและเปลี่ยนคำสั่งให้เป็นรายงานข้อความได้ Voice Assistant ยังช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเพื่อนร่วมงานอย่างมนุษย์ได้อย่างมาก เพราะมันสามารถช่วยค้นหาข้อมูลจำนวนมากและข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับโครงการหรือการประชุมที่กำหนด ช่วยจัดทำข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับการสนทนา

การลดอุปสรรคในการค้นหาข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยให้การตัดสินใจดำเนินการด้วยข้อมูลเป็นไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ มีทางเลือกที่รอบคอบมากขึ้นในตลาด หรือแม้แต่การโทรศัพท์และพูดคุยในนามของคุณ ช่วยจัดการนัดหมายต่าง ๆ หรือจองโต๊ะอาหารกับร้านโปรดของคุณ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจัดการงานอื่นที่สำคัญกว่า

เทคโนโลยีที่ควบคุมด้วยเสียงนั้นได้รับความสนใจจากบริษัทขนาดใหญ่อย่างอเมซอนโดยมีผู้ช่วยเสียง Alexa และอุปกรณ์ Echo, Google Assistant และ Google Home แม้แต่ Facebook ก็ยังพัฒนาผู้ช่วยเสียงของตัวเอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ข่าวเกี่ยวกับ Facebook กำลังพัฒนาระบบสั่งการด้วยเสียงเพื่อหวังช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด Voice Assistants จาก Amazon – Alexa, Apple – Siri, และ Google – Google Assistant ทำให้ตลาด Voice Assistants ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น

Voice Assistant อาจรบกวนชีวิตประจำวันของสำนักงาน แต่ข่าวดีก็คือว่ามันอาจเปลี่ยนวิธีการทำงานของเรา Voice Assistant ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ระบบจดจำเสียง (รวมถึงการจดจำใบหน้า) อาจเปิดโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ ก้าวกระโดดจากวิธีการทำงานแบบดั้งเดิมไปสู่โซลูชั่นดิจิตอลเต็มรูปแบบใหม่

Voice Assistant ไม่ได้เข้ามาเพื่อลดจำนวนคนทำงานแต่มันเข้ามาเพื่อช่วยส่งเสริมการทำงานของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นช่วยในการเพิ่มผลผลิตและประหยัดเวลาในการทำงานง่าย ๆ ซ้ำ ๆ เพื่อให้คนสามารถโฟกัสกับงานที่ใช้ทักษะพิเศษและความคิดสร้างสรรค์ มนุษย์จึงควรเรียนรู้วิธีใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ให้มีความชำนาญและสามารถใช้เทคโนโลยี Voice Assistant อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Cortana คือผู้ช่วยส่วนตัวบนระบบ Cloud ที่ทำงานได้บนอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นบริการของ Microsoft มีคุณลักษณะหลากหลายให้ได้ใช้งาน ซึ่งบางคุณลักษณะสามารถปรับแต่งให้เป็นส่วนตัวได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของอุปกรณ์และรุ่นของ Cortana ซึ่งบนระบบปฏิบัติการ Windows มีให้ใช้งานได้ในบางภูมิภาคและภาษา นอกจากนี้ Cortana ยังสามารถใช้งานบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้ เช่น Android และ iOS

Cortana จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อลงชื่อเข้าใช้และอนุญาตให้ Cortana ใช้ข้อมูลจากอุปกรณ์และจากบริการของ Microsoft เพื่อให้ได้รับประสบการณ์แบบส่วนตัว Cortana จะเรียนรู้จากข้อมูลบางอย่าง เช่น การค้นหา ปฏิทิน รายชื่อผู้ติดต่อ และตำแหน่งที่ตั้ง โดยสามารถควบคุมได้ว่าจะแชร์ข้อมูลมากน้อยเพียงใด  หากไม่ต้องการลงชื่อเข้าใช้ Cortana บน Windows ก็ยังคงสามารถสนทนากับ Cortana และใช้ Windows Search เพื่อค้นหาเว็บ เอกสาร และอีเมลที่เก็บในบริการของ Microsoft ได้ เช่น OneDrive และ Outlook และบนอุปกรณ์ Windows ได้ แต่อาจจะมีจำกัดในการใช้งานมากขึ้น และข้อมูล Cortana จะไม่ได้รับการปรับให้เป็นส่วนตัว ซึ่งบนอุปกรณ์ iOS และ Android นั้น Cortana จะทำงานเมื่อลงชื่อเข้าใช้เท่านั้น

Cortana สามารถช่วยทำงานบางอย่างได้ถึงแม้ว่าอุปกรณ์จะล็อกอยู่ รวมถึงการตั้งค่าตัวจับเวลาเล่นเพลง หรือจดบันทึกย่ออย่างรวดเร็ว คุณลักษณะนี้จะเปิดอยู่ตามค่าเริ่มต้น และสามารถปิดได้ทุกเมื่อพร้อมทั้งยังสามารถเลือกที่จะอนุญาตให้ Cortana เข้าถึงปฏิทิน อีเมล ข้อความ และข้อมูลเนื้อหาอื่นๆในขณะที่อุปกรณ์ล็อกอยู่ได้อีกด้วย

เมื่อต้องการใช้ Cortana บนหน้าจอเมื่อล็อก ให้แตะ Cortana หรือพูดว่า “Hey Cortana” (คุณลักษณะ “Hey Cortana” ทำให้คุณสามารถเข้าถึง Cortana ด้วยเสียงของคุณ)

การเชื่อมต่อ Cortana กับ Microsoft Health จะทำให้ Cortana สามารถมอบข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่ช่วยให้ทำตามเป้าหมายด้านสุขภาพได้ ซึ่งผู้ใช้ต้องมีอายุตามที่กำหนดจึงจะใช้ Cortana ได้เมื่อผู้ใช้พยายามลงชื่อเข้าใช้ Cortana จะมีการตรวจสอบการตั้งค่าอายุของบัญชี Microsoft และผู้ใช้ที่ระบุว่าอายุน้อยเกินไปจะไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ Cortana ที่ปรับให้เป็นส่วนตัวได้

Bixby คือ AI Assistant จากค่ายโทรศัพท์ชั้นนำอย่าง Samsung โดย Bixby นั้น

มีความสามารถในการจดจำ เรียนรู้ พฤติกรรม, กิจวัตรประจำวันของผู้ใช้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น การตั้งเวลาปลุก จัดการตารางเวลา หรือคำแนะนำสำหรับมื้ออาหาร

Bixby มีคุณสมบัติหลัก 4 ประการดังนี้ เสียงวิสัยทัศน์การแจ้งเตือนและคำแนะนำ

เสียง Bixby สามารถเข้าใจคำสั่งเสียงและตอบกลับด้วยเสียงของตัวเอง คุณสามารถพูดคุยกับ Bixby โดยใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาเกาหลีได้ โดยการกดปุ่ม Bixby ของโทรศัพท์ที่รองรับหรือพูดว่า “Hi Bixby” เพื่อเป็นการเริ่มใช้งาน จากนั้นคุณสามารถพูดคำสั่งไปยัง Bixby ได้ โดย Bixby นั้นสามารถที่จะจัดการการตั้งค่าอุปกรณ์พื้นฐานได้เกือบทุกชนิด เช่น เริ่มต้นการโทร ขอเส้นทางการจารจร

วิสัยทัศน์ Bixby เริ่มต้นโดยการกดใช้โหมดกล้อง Bixby นั้นโดยสามารถอ่าน QR cord ได้โดยไม่จำเป็นต้องโหลดโปรแกรมเพิ่ม สามารถแปลภาษาได้อย่างง่ายดาย และสามารถระบุสถานที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีAR เพื่อช่วยให้คุณจำลองการจัดห้องหรือจะใช้เพื่อความบันเทิงก็สามารถทำได้

แจ้งเตือน คุณสามารถใช้ Bixby เพื่อจดข้อมูลบ้างอย่าง เช่น รายการของที่ซื้อ เวลานัดหมายโดย Bixby จะมีการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่กำหนด โดยการแจ้งเตือนนั้นสามารถกำหนดเวลาและสถานที่ได้อย่างเจาะจงได้ Bixby สามารถแจ้งเตือนเนื้อหา ต่าง ๆ ได้ เช่น อีเมล รูปภาพ ข้อความ หรือแม้กระทั่งแจ้งเตือนให้คุณดูวีดิโอต่อจากจุดที่ค้างเอาไว้ โดย ใช้วิธี เขียน พูด หรือแตะเพื่อสร้างการแจ้งเตือนใน Bixby

คำแนะนำ Bixby มีความสามารถในการจดจำกิจวัตรของผู้ใช้ ยิ่งใช้ Bixby มากเท่าไหร่ Bixby ก็จะเรียนรู้พฤติกรรม และความสนใจของผู้ใช้มากเท่านั้น ดังนั้น Bixby จะสามารถปรับแต่งแอพพลิเคชั่น หรือ เพิ่มประสิทธิภาพโทรศัพท์ เพื่อทำให้คุณสามารถใช้งานโทรศัพท์ได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้นผ่านทางความสามารถในการแนะนำของ Bixby นอกจากนี้ Bixbyยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อย่างอื่นของ Samsung ได้อีกด้วย เช่น บอกให้ Bixby เล่นเพลงผ่านลำโพง หรือกับให้เชื่อมต่อกับโทรทัศน์ในการใช้งาน

Alexa Smart Home คืออุปกรณ์ที่ช่วยในเรื่องของการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมภายในบ้าน ด้วยเสียงของคุณที่ช่วยสั่งการทำงานของเจ้าตัว Alexa โดยผ่านแอปพลิเคชั่น Alexa App นั่นเอง

และยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมกับอุปกรณ์ Echo ของคุณด้วย Smart Home Hub ซึ่งใช้ ฮับสมาร์ทโฮมในตัวของ Echo เพื่อเชื่อมต่อโดยตรงกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่เข้ากันได้ของคุณ

วิธีเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมของคุณเพียงพูดว่า “Discover my devices” ทำให้อุปกรณ์ สมาร์ทโฮมของคุณเข้าสู่โหมดการจับคู่

Music with Alexa คือตัวรับสัญญาณหรือตัวเล่นเพลงนั่นเองโดยการที่ผ่านสตรีมมิ่งหรือมาผ่านตัว Alexa อีกทีหรือแม้กระทั่งเราสามารถ Set up voice ของเราโดยการสั่งให้เจ้าตัว Alexa เล่นเพลงได้อีกด้วยทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้บริการเพลงอาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ใช้บังคับกับบริการที่เกี่ยวข้อง ในการเชื่อมโยง สมัครสมาชิก Apple Music ของคุณกับ Alexa คุณต้องใช้กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยของ Apple และยังคุณสามารถควบคุมการเล่นเพลงไปยังอุปกรณ์ของคุณจากระยะไกลได้จากแอป Alexa

Calendar and Email with Alexa เป็นตัวเก็บ Information ทั้ง ปฏิทินและอีเมล์ที่สามารถช่วยจดจำและบันทึก event ต่าง ๆ ลงเพื่อให้ Alexa ทราบข้อมูลที่เราเก็บและยังสามารถแจ้งเตือนในเหตุการณ์สำคัญได้อีกด้วยกับสิ่งที่เราบันทึกลงไปและ Alexa ยังสามารถตอบกลับหรือลบอีเมล์ได้อีกด้วย

Do Not Disturb on Alexa คือการตั้งค่า Alexa ด้วยระบบ Voice control ในการช่วยตั้งการป้องกันสิ่งรบกวนต่าง ๆ เช่นเวลาเราจะนอนสามารถตั้งค่าให้ระบบ Alexa เซ็ตเป็นตารางหรือช่วงเวลา

Amazon FreeTime on Alexa คือเวลาว่างบน Alexa ช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์ส่วนตัว สำหรับเด็ก ๆ ของคุณและเลือกเนื้อหาที่พวกเขาเข้าถึงบนอุปกรณ์ของพวกเขา เช่น เพลงสำหรับเด็ก, รับคำตอบสำหรับคำถามที่เป็นมิตรกับเด็ก หรือรวมไปถึงการเล่นเกมอีกด้วย

Alexa Flash Briefing เป็นตัวคอยส่งข่าวข้อมูลต่าง ๆ หรือรวมไปถึงสภาพอากาศเช่นเดียวบริการใน iPhone หรือ Android ที่โชว์สภาพอากาศในแต่ละเวลา/วัน

eBooks on Alexa คือระบบปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องหนังสือต่าง ๆ ที่อยู่ภายในเว็ปไซต์รวมไปถึงสามารถอ่านให้ผู้ใช้บริการฟังได้อีกด้วย

Alexa for Business คือระบบที่สามารถจัดการในเรื่องของช่วยให้คุณเข้าถึงคุณสมบัติพิเศษของ Alexa ในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนทั้งหมดของคุณ เช่น คอมพิวเตอร์,เชื่อมโยงปฏิทินแลกเปลี่ยน Microsoftของคุณและใช้การโทรสายการประชุมอัตโนมัติ

Video with Alexa การสั่งการด้วย Voice control ที่สามารถ Link กับ TV หรือเครื่องเล่นต่าง ๆ ของวีดิโอรวมไปถึงดูเรื่องของสตรีมมิ่งต่างๆผ่าน Echo Device Home ได้อีกด้วย

Alexa Calling and Messaging สั่งการด้วยระบบเสียงที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการส่งข้อความหรือรวมไปถึงการโทร-รับด้วยใช้ระบบเสียงของผู้ใช้เข้ามาเกี่ยวข้องนั้นเอง

Alexa Lists สร้างหรือแก้ไขรายการด้วยเสียงหรือในแอป Alexa ที่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ตามผู้ใช้ที่ต้องการเก็บโดยผ่านระบบเสียงของผู้ใช้

Alexa Alarms เป็นตัวตั้งค่าการตั้งปลุกโดยใช้ระบบเสียงเข้ามาออกคำสั่งและยังสั่งการด้วยการเปลี่ยนระดับเสียงความดังในการปลุคของ Alexa ของแต่ละครั้งได้อีกด้วย

Shopping with Alexa ใช้ที่อยู่จัดส่งเริ่มต้นและการตั้งค่าการชำระเงินในบัญชีของคุณคำสั่งซื้อของคุณสำหรับผลิตภัณฑ์ทางกายภาพอาจมีสิทธิ์ได้รับผลตอบแทนฟรี แต่ควรตั้งค่าในเรื่องของบัญชีรวมไปถึงการชำระเงินผ่านบัตรต่าง ๆ ในเว็ป Amazon นั่นเอง

Alexa Timers เป็นตัวสามารถตั้งเวลาจับเวลาต่าง ๆ โดยผ่านเสียงของผู้ใช้และยังสามารถสั่งการว่าจะเริ่มหรือยกเลิกตอนไหนโดยเสียงของคน

Alexa Skills ทักษะ Alexa คือแอปที่เปิดใช้งานด้วยเสียงที่เพิ่มความสามารถให้กับอุปกรณ์ที่ใช้งาน Alexa ของคุณทักษะเพิ่มฟังก์ชันการทำงานใหม่ให้กับประสบการณ์ของคุณกับ Alexa พวกเขามีอยู่ในหลากหลายประเภทเช่น การศึกษา, เกมส์, สุขภาพ, กีฬา, ข่าวสารต่าง ๆ

Alexa Routines คือระบบปฏิบัติการการตั้งค่าชีวิตประจำวันของเราโดยเราสามารถใช้เสียงสั่งโดยเริ่มต้นต่อวันตัวอย่างเช่นพูดว่า “Start my day” เพื่อให้ Alexa เปิดไฟสมาร์ทที่เข้ากันได้ของคุณและบอกการพยากรณ์อากาศต่าง ๆ ของวันนั้น ๆ เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น

คุณสามารถบอกให้ทำสิ่งต่าง ๆ หรือถามคำถาม ได้ง่ายๆ เพราะนี่คือ “Google Assistant

ที่พร้อมจะช่วยคุณทุกที่ ทุกเวลา

Google Assistant คือระบบสั่งงานด้วยเสียงจากคำพูดของเรา ปกติแล้วระบบนี้จะอยู่ในมือถือ Google Pixel ที่ทาง Google พัฒนาขึ้นมาเอง แต่ตอนนี้ทาง Google คงเห็นว่าพร้อมแล้วที่จะพา Google Assistant ออกมาโลดแล่นยังมือถือรุ่นอื่น ๆ ได้แล้วจึงตัดสินใจปล่อยออกมาให้ดาวน์โหลดสำหรับ มือถือ Android ทั่วไปสามารถใช้งานได้ ร่วมถึง iOS ก็เช่นกัน

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีระบบสั่งงานด้วยเสียงอย่าง Apple Siri, Samsung Bixby, Google Now, Amazon Alexa แต่นั่นก็เป็นการใช้งานที่ค่อนข้างจำกัดทั้งคำถาม คำตอบที่เราไม่สามารถถามนอกคำสั่งของระบบได้ แต่สำหรับ Google Assistant นั้นหลายคนให้ความสำคัญว่าเป็นอีกหนึ่งกำแพงที่ทำให้ระบบการสั่งงานด้วยเสียงถูกเอามาใช้งานได้จริง สิ่งที่ทำให้ Google Assistant นั้นแตกต่างมีดังนี้

สามารถใช้งานกับมือถือระบบปฏิบัติการ Android ได้เลยทันทีกว่าพันล้านเครื่อง, สามารถแยกเสียงคนและเสียงภายนอกได้, มีฐานข้อมูลที่มากกว่า สามารถใช้ค้นหา คุยเล่นได้, สามารถส่งต่อ เปิดแอปฯ เชื่อมต่อไปยังแอปฯ อื่น ๆ ได้, รองรับภาษาไทย ใช้เสียงภาษาไทยได้ และตอบกลับเป็นภาษาไทย, มีความน่ารักของการตอบคำถามอย่างเป็นกลาง มีมุขตลกในบางโอกาส

ระบบของมือถือที่ต้องการสำหรับการใช้งาน Google Assistant คือ เป็น Android 0 หรือสูงกว่า,  มี Google App เวอร์ชั่น 13 หรือสูงกว่า, มีพื้นที่ 1.4 GB และหน้าจอแบบ HD ขึ้นไป

ถึงแม้ว่า Google Assistant นั้นจะเป็น AI ที่มีความฉลาดมาก แต่ก็ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการถามเรื่องทั่วไปได้ทั้งหมด เพราะขีดจำกัดทางด้านข้อมูล เราจึงมีตัวอย่างคำถามที่คิดว่าถามแล้วได้คำตอบแน่นอน แถมยังเป็นคำตอบที่ค่อนข้างมีประโยชน์ เอาไปใช้งานได้จริงด้วย แบ่งออกเป็นชุดคำถามต่าง ๆ ดังนี้

ช่วยเตือนความจำ ตั้งปลุก, ค้นหารูปภาพ และวิดีโอ, โทรหาและส่งข้อความไปหาเพื่อนได้ทันที, แปลคำศัพท์ได้ง่ายๆ, คิดเลขได้ง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก, หาเส้นทางให้เราได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

Siri เป็น Personal Assistant Application สำหรับ IOS โดยใช้ Voice recognition System มาทำการรับคำสั่งการของมนุษย์ในภาษาพูดทั่วไปของภาษานั้น ๆ และประมวลผลออกมาเป็นข้อความก่อนส่งไปให้ Siri ทำให้การทำงานของ Siri เป็นจุดเปลี่ยนของระบบ Search บนมือถือ

คุณสามารถใช้ Siri ทำอะไรได้บ้าง?

  1. การโทรและส่งข้อความ : Sir สามารถโทร/ส่งข้อความให้คุณได้ทุกเมื่อไม่ว่าคุณจะขับรถหรือทำอะไรอยู่
  2. เปิด-ปิดไฟฉายของโทรศัพท์ : ถ้าบ้าน/สถานที่ที่คุณอยู่เกิดไฟดับ คุณสามารถสั่งเปิดไฟบนมือถือของคุณได้
  3. ตั้งปลุก/ตั้งแจ้งเตือนต่าง ๆ : Siri สามารถตั้งปลุก นับเวลาถอยหลัง ตั้งแจ้งเตือนต่าง ๆ โดยที่คุณไม่ต้องหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาเลย และยังสามารถแนะนำคาดการณ์ได้ว่าคุณต้องการอะไรโดยอ้างอิงสิ่งที่คุณทำเป็นประจำ

  1. ดูเส้นทางในการเดินทาง/ดูปฏิทิน : คุณสามารถขอดู/ค้นหาเส้นทางในการเดินทาง ดูตารางงานในปฎิทินได้
  2. ฟังเพลงจากลิสต์เพลงของคุณ : Siri สามารถค้นหาเพลงโปรดและยังสามารถแนะนำเพลงใหม่ที่คุณชอบได้
  3. แนะนำสภาพบรรยากาศ

  1. ควบคุมบ้านอัจฉริยะ : คุณสามารถใช้ Siri ในการเปิดประตูโรงรถ, ปลดล็อคประตูบ้าน เปิด-ปิดไฟในบ้าน
  2. คำสั่งลัด : คุณสามารถเพิ่มทางลัดในแอพที่คุณใช้ประจำ คำสั่งลัดนั้นช่วยให้คุณเปิดใช้งานแอพได้เร็วกว่าเดิม
  3. ถาม-ตอบในสิ่งที่สงสัย : Siri สามารถตอบคำถามที่คุณสงสัยไม่ว่าจะเป็นการแปลงค่าเงิน การคำนวณเลข และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ถาม Siri ก็ยังคงทำงานอยู่เบื้องหลัง คอยเป็นผู้ช่วยที่แสดงทั้งกิจกรรม ข่าวสาร และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ให้คุณอยู่เสมอ

  1. ใช้ตอนเปิดโหมดประหยัดพลังงานได้ : เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย สามารถเข้าถึง Siri ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่พูด “Hey Siri” และเมื่ออุปกรณ์อยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน คุณต้องไม่ชาร์ตแบต
  2. พูดได้หลายภาษา หลายสำเนียง : Siri สามารถพูดแยกตามแต่ละพื้นที่ เสียงภาษาอังกฤษหลายภาษาเพิ่มเติมเข้ามารวมถึงเสียงสำเนียงไอริชและแอฟริกาใต้ที่สามารถแบ่งได้ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง
  3. คุณสามารถเรียกใช้งาน Siri ได้แบบไม่ต้องใช้มือ ด้วยการพูดว่า “หวัดดี Siri” หรือเพียงกดปุ่ม
    ไม่ว่าคุณจะต้องการอะไร Siri ก็พร้อมช่วยเหลือคุณบนอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องของคุณ
Scroll to Top