การทำ Inbound Marketing ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจจะต้องลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กหรือใหญ่ก็ตาม การเริ่มลงมือทำก่อน ก็ถือว่าเราแซงหน้าคู่แข่งไป 1 ก้าวแล้ว ฉะนั้น เรามาทำความรู้จักกับขั้นตอนเกี่ยวกับการทำ Inbound Marketing กันค่ะ

4 ขั้นตอนเกี่ยวกับการทำ Inbound Marketing มีดังนี้

1. Attract – การดึงดูด

ในการสร้าง Content Marketing ขึ้นมาสักหัวข้อ จุดประสงค์หลักของการทำ Content ไม่ได้มีเพียงแค่ต้องการเพิ่มยอดวิวหรือเพิ่มการเข้ารับชมเว็บไซต์เท่านั้น แต่เราต้องการที่จะเจาะให้ถูกกลุ่มเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เพื่อทำให้ผู้ที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน ได้รับรู้ถึงเว็บไซต์ของธุรกิจของเรา

ขั้นตอนนี้ คือ ขั้นตอนของการเปลี่ยน Strangers > Visitors

คำถามคือ แล้วใครล่ะ ? ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่จะสามารถพัฒนามาเป็นลูกค้าของเราได้

การตั้งกลุ่มเป้าหมายของเรา ทำได้ด้วยการเริ่มต้นการทำ “Buyer’s Personas” ที่เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับบุคคลที่เราจะนำมาเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา ไม่ว่าจะเป็น ประวัติส่วนตัว ลักษณะนิสัย วิสัยทัศน์ในการทำงาน หรือแม้แต่เวลาว่าง และงานอดิเรก ก็สามารถใช้เป็นข้อมูลในการสร้าง Personas ไว้ใช้ในการตั้งเป้าหมายเวลาทำ Content ขึ้นมา

แล้ววิธีไหนล่ะ ? ที่จะดึงดูดผู้คนให้มาสนใจธุรกิจของเราให้ได้มากที่สุด นั่นก็คือ

1.1 ) การเขียน Blog

ในการทำ Inbound Marketing มักเริ่มต้นกันด้วยการเขียน Blog กันซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและได้ผลมากที่สุด เพราะเราสามารถกำหนด Content ต่างๆภายใน Blog ได้ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการและสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้

1.2 ) SEO

ในกระบวนการซื้อสินค้าออนไลน์ของลูกค้า สิ่งแรกที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะทำ คือการ Search หาคำตอบ ให้กับคำถามที่พวกเขาต้องการอยากจะรู้คำตอบ ดังนั้น เราจะต้องทำ SEO เพื่อให้มั่นใจว่า Blog ของเราจะขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆเมื่อถูกค้นหา

ส่วนในเรื่องการทำ SEO คุณจะต้องวิเคราะห์และเลือก keywords ที่คิดว่าจะถูกค้นหามากที่สุด และต้องมีการทำ SEO ในทุกๆที่ภายใน Blog ไม่ว่าจะเป็น หัวข้อบทความ,เนื้อหา,URL หรือแม้แต่ภายในรูปภาพประกอบ ด้วยการทำ alt-text ก็ตาม เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะถูกค้นหาเจอให้มากที่สุด

1.3 ) Website Page

เว็บไซต์สำคัญแค่ไหน ?

เว็บไซต์เป็นเหมือนหน้าร้านที่เป็นหน้าตาให้กับธุรกิจของเรา ที่จะบ่งบอกถึงตัวตน เอกลักษณ์ จุดเด่นของธุรกิจ หรือว่าสิ่งอื่นๆที่เราต้องการจะบอก ได้ดีที่สุด โดยการมีเว็บไซต์ที่มีดี มีประโยชน์และมีคุณภาพ จะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราบ่อยๆ และรู้จักเว็บไซต์ของเราได้มากยิ่งขึ้น

1.4 ) Social Publishing

กลยุทธที่จะทำให้ Inbound marketing ประสบผลสำเร็จได้ดีที่สุด ก็คือความโดดเด่นและประโยชน์ที่ได้จากเนื้อหาของ Content

การมีเนื้อหาที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกทึ่งและตื่นเต้น จะช่วยให้เกิดการแชร์ข้อมูลกันผ่านช่องทางโซเชี่ยลต่างๆระหว่างกันภายในกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะทำให้ชื่อเสียงของเว็บไซต์ของเราเพิ่มมากขึ้น

2. Convert – การแปลง

เมื่อคุณดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาชมเว็บไซต์ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การแปลงให้ผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์ ให้เป็น ผู้มีโอกาสที่จะมาเป็นลูกค้าของเราได้ในอนาคต (Leads)

ขั้นตอนนี้ คือ ขั้นตอนของการเปลี่ยน Visitors > Leads

โดยการรวบรวมข้อมูลในการติดต่อของลูกค้า อย่างน้อยๆที่เราจะต้องมีให้ได้ คือ E-mail ข้อมูลการติดต่อของลูกค้านั้น ถือเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดสำหรับนักการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น E-mail เบอร์โทรศัพท์ หรือที่อยู่ ก็ตาม และในเมื่อข้อมูลในการติดต่อสำคัญขนาดนี้ เราจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้มา ?

มาดูเครื่องมือในการยื่นข้อเสนอในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลการติดต่อลูกค้า ตามหัวข้อต่อไปนี้กัน

2.1 ) Forms. (การกรอกแบบฟอร์ม)

เป็นแบบฟอร์มที่จะให้ลูกค้ากรอกข้อมูลส่วนตัวลงไป อาจจะเพื่อรับข้อมูลข่าวสารใหม่ๆทางช่องทางต่างๆ หรืออาจจะกรอกเพื่อรับส่วนลดใดๆก็ตามที่เราเป็นคนกำหนด ก็จะทำให้ได้ข้อมูลในการติดต่อกับลูกค้ามา

2.2 ) Calls-to-Action. (CTA)

ตรงส่วนนี้ จะเป็นส่วนของการกระตุ้นการตัดสินใจ ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบ “ปุ่มดาวน์โหลด” เช่น “ดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มเติมในหัวข้อ xyz” เป็นต้น

ซึ่งการมี CTA นั้นสำคัญมากในการเก็บข้อมูลการติดต่อกับลูกค้า เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลขึ้น การมี CTA ที่น่าสนใจ จะช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของการได้ Lead เพิ่มมากขึ้น

2.3 ) Landing Pages.

หลังจากคลิก ปุ่ม CTA หรือ ปุ่มดาวน์โหลดแล้ว ก็จะเด้งมาที่หน้านี้ หน้านี้จะเป็นหน้าที่ให้ Visitors เข้ามากรอกข้อมูล เพื่อกลายเป็น Lead ของเราในที่สุด

โดยการที่ ก่อนผู้ชมจะโหลดข้อมูลได้นั้น ต้องทำการกรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้ชมเสียก่อน ทำให้เราได้ข้อมูลการติดต่อของผู้ชมนั่นเอง

2.4 ) Contacts. (ผู้ติดต่อ)

ทำการติดต่อกับรายชื่อที่เราได้มาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นทาง E-mail เบอร์โทรศัพท์ หรือโซเชี่ยลมีเดียช่องทางต่างๆ

เพื่อเพิ่มโอกาสและประสิทธิภาพของความสัมพันธ์ เพื่อง่ายในการทำขั้นตอนอื่นๆต่อไปในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการ Attract , convert, close และ delight

3. Close

และตอนนี้เราก็เดินทางมาสู่ขั้นตอนสำคัญแล้ว ในการเปลี่ยน ผู้ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้า ให้กลายเป็น ลูกค้า

ขั้นตอนนี้ คือ ขั้นตอนของการเปลี่ยน Leads > Customers

เรามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในขั้นตอนนี้มากแค่ไหน ?

มาดูเครื่องมือทางการตลาด ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำขั้นตอน Close นี้ให้ประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอนกันเลย

3.1 ) CRM (ระบบการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า)

การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกค้า และการมีทั้งข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการติดต่อกับลูกค้า จะทำให้เราง่ายและสะดวกในการทำการติดต่อ กับกลุ่มลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม

3.2 ) Closed-loop Reporting. (การรายงาน)

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า การตลาดแบบไหน ที่จะสามารถนำไปสู่โอกาสในการขายได้ดีที่สุด ? หรือว่าลูกค้าที่เข้ามา มาจากช่องทางไหน ? ด้วยซอฟแวร์ของ Hubspot สามารถทำให้เราทราบได้ว่า ลูกค้าที่เข้ามานั้น ติดต่อมาจากช่องทางไหน เช่น Facebook หรือ ads ไหนที่เราลงโฆษณาไป จะช่วยให้เราทราบได้อย่างแม่นยำและช่วยให้การวางแผนทำ Inbound Marketing ในครั้งต่อไป ได้ผลดีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

3.3 ) E-mail

หลักจากที่ผู้ชม คลิก Call-to-action แล้ว แต่ว่าก็ยังเป็นเพียงแค่ Leads เท่านั้น เราจะทำอย่างไรให้ Leads นั้นกลายมาเป็น Customers ของเรา ? การส่งอีเมลล์ที่เน้นเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ และเกี่ยวข้องกับการสร้างความเชื่อมั่น ไว้วางในแบรนด์ของเรา จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ Leads มีความพร้อมในการจะกลายมาเป็น Customers ของเรามากยิ่งขึ้น

3.4 ) Marketing Automation

ในขั้นตอนนี้จะเกี่ยวข้องกับการทำการตลาด ผ่านทางอีเมลล์เกี่ยวกับเรื่องนั้นไปให้อยู่เรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากว่าลุกค้ามีความต้องการข้อมูลหัวข้ออื่นแทน เราก็จะต้องเปลี่ยนเนื้อหาของอีเมลล์ที่ส่งไปให้ลูกค้าไปเป็นอีกเรื่องแทน

4. Delight

ในขั้นตอนนี้ จะเป็นขั้นตอนของการดูแลรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็น visitors, leads หรือ customers ก็ตาม อย่าคิดว่าพอลูกค้าทำการซื้อขายกับเราแล้ว เราจะทิ้งขว้างพวกเขาได้โดยเด็ดขาด !

ขั้นตอนนี้ คือ ขั้นตอนของการเปลี่ยน Customers > Promoters

การรักษาความสัมพันธ์และการสร้างความสุขให้กับลูกค้าของเราอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการขายนั้น มีข้อดีในส่วนที่ถ้าหากลูกค้าเกิดความรู้สึกดีๆ จนเกิดเป็นความจงรักภักดีในธุรกิจของเรา ลูกค้าก็จะอยากสนับสนุนเราไม่ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง หรืออาจจะเป็นการบอกต่อกันในกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของเราก็ได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยโปรโมทโฆษณาจากลูกค้าตัวจริง

ซึ่งวิธีการที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการสร้างความสุขให้ลูกค้า มีดังนี้

4.1 ) Surveys.

วิธีการที่ดีที่สุด ที่เราจะรู้ได้ว่า ลูกค้าของเราต้องการอะไร คือ “การถามพวกเขาโดยตรง” และใช้ความคิดเห็นเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อให้มั่นใจได้ว่า บริการที่คุณมอบให้แก่ลูกค้านั้น ตรงกับความต้องการของลูกค้าจริงๆ

4.2 ) Smart Calls-to-Action.

เนื่องจากลูกค้าที่เข้ามานั้นมีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น บางคนต้องการสมัครตัวแทนจำหน่าย หรือ บางคนเพียงแค่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ถ้าในลักษณะนี้ เราสามารถเปลี่ยนปุ่ม Call-to-action ตามความต้องการของลูกค้าได้

หรือก็คือ ในขั้นตอนนี้ จะเป็นการยื่นข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้า โดยเนื้อหาของแต่ละข้อเสนอ ก็จะมีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า เช่น ลูกค้ามีความสนใจในเรื่องการผลิตครีม เราก็ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับโปรโมชั่นในการผลิตครีมให้ลูกค้า มากกว่าการยื่นข้อเสนอทั่วไปให้แก่ลูกค้าแบบปกติ

4.3 ) Smart Text.

การนำเสนอ content ที่โดดเด่นและน่าสนใจให้แก่ลูกค้าปัจจุบันของเราอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบาง Content อาจเป็นการช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดได้ และนอกจากนี้ เรายังสามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติที่เข่าข่ายว่าลูกค้าของเราอาจจะให้ความสนใจได้อีกด้วย

4.4 ) Social Monitoring

เมื่อเราทำ content ขึ้นมา การติดตามความคิดเห็นหรือบทสนทนาที่เกิดขึ้นบนโซเชี่ยลก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราจะต้องทำ

การฟังความเห็นของลูกค้าของเรา ไม่ว่าจะจากการถามคำถาม การคอมเม้นท์ การกด Like หรือการกด Dislike จะทำให้เราสามารถนำทุกข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ต่อได้ ว่า content ไหนที่ลูกค้าของเราชอบ หรือไม่ชอบ

ทำให้เราสามารถกำหนดแนวทางในอนาคตได้ว่า เราต้องปรับเปลี่ยนและทำไปในทิศทางไหนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 รูปประกอบทั้งหมดจาก https://www.hubspot.com