สำหรับธุรกิจ SME นั้น ย่อมาจาก Small and Medium Enterprise ซึ่งหลายๆคนอาจจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว หรือสำหรับใครที่ที่ยังไม่รู้จัก ธุรกิจ SME ก็คือธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางนั่นเองค่ะ

สำหรับธุรกิจ SME นั้น ด้วยความเป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง การดำเนินการต่างๆก็จะมีขั้นตอนการดำเนินงานรวมไปถึงการทำการตลาดที่สะดวกกว่าธุรกิจใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิด ตัดสินใจ รวมถึงการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงแก้ไขแผนการดำเนินงานตามสถานการณ์ เพราะด้วยระบบการทำงาน มีความซับซ้อนน้อยกว่าธุรกิจใหญ่ๆค่ะ

แต่ในทางกลับกัน ธุรกิจ SME ก็มีข้อเสียหลายๆข้อเช่นเดียวกันในเรื่องการดำเนินการและการทำการตลาด โดยเฉพาะเรื่อง กำลังทรัพย์ นั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็น กำลังทรัพย์ด้านทรัพสิน กำลังทรัพย์ด้านบุคคลากร กำลังทรัพย์ด้านทรัพยากร และอื่นๆ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนนับว่าเป็นต้นทุนในการทำการตลาดทั้งสิ้น

แต่อย่างไรก็ตาม การมีข้อเสียเหล่านั้น ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำการตลาดของธุรกิจ SME แต่อย่างใด ด้วย 6 กลยุทธ์ในการทำการตลาดสำหรับธุรกิจ SME ที่คุณไม่ควรมองข้าม ! ที่จะช่วยเป็นแนวทางให้ธุรกิจ SME ของคุณ สามารถเพิ่มยอดขายให้ปัง ทะลุเป้ากันไปเลยค่ะ !

  1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และทำการตลาดให้ถูกกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับหลายๆคนอาจจะเคยมีคำถามในใจว่า ทำไมจะต้องกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก่อนการทำการตลาด ? ทำไมไม่ทำการตลาดเป็นวงกว้าง เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มอื่นๆที่ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้รู้จักธุรกิจของเราด้วย ไม่ดีกว่าหรือ ?

สำหรับธุรกิจ SME แล้ว การใช้ต้นทุนในการทำการตลาดให้น้อยที่สุดและได้ผลลัพธ์ที่มากที่สุดนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึง และการทำการตลาดเพื่อหวังผลหรือยอดขายในระยะสั้นๆนั้นก็เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ลองเปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าหากว่าเรากำลังทำการตลาดของธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการเกษตร แต่เราทำการตลาดแบบกระจายเป็นวงกว้าง ไม่เจาะจงว่าต้องส่งให้ถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ก็อาจจะถูกส่งถึงกลุ่มอาชีพต่างๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเกษตรของเราเลย เช่น หมอ พยาบาล นักธุรกิจ นักบิน และอื่นๆ ซึ่งคนเหล่านั้นอาจจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของธุรกิจของเรา แต่ก็ไม่ได้ทำเกิดยอดขายขึ้นนั่นเองค่ะ เห็นถึงความสำคัญในการทำการตลาดให้ถูกกลุ่มเป้าหมายแล้วใช่ไหมคะ ?

และสำหรับในขั้นตอนการค้นหากลุ่มเป้าหมายนั้น จะสอดคล้องกับการทำการตลาดแบบ  Inbound Marketing  ในส่วนของการค้นหากลุ่มเป้าหมายค่ะ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้านั้น เราสามารถใช้วิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอบถาม การทำแบบสำรวจ การวิจัย เป็นต้น และนำข้อมูลที่ได้เหล่านั้นมาสร้าง Buyer Personas นั่นเอง

หลังจากนั้น เราก็นำ Buyer Personas ที่ได้มา มาใช้ในการวางแผนการทำการตลาดในขั้นตอนต่างๆได้ การวางแผนการตลาดที่ยึดจาก Buyer Personas นั้น จะช่วยให้การทำการตลาดของเราสามารถดำเนินไปได้อย่างมีเป้าหมายและจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ว่าต้องทำการตลาดเพื่อคนกลุ่มไหน และควรทำอย่างไรค่ะ

ซึ่งนอกจากนี้ เรายังสามารถทำ Report ต่างๆ หลังจากการทำการตลาดในแต่ละครั้ง มาวิเคราะห์ข้อมูล และสร้าง Buyer Personas เพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้อีกด้วย เพื่อการวางแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพที่สุดนั่นเองค่ะ

  1. การสร้างสังคมให้กับธุรกิจ

สำหรับข้อนี้หลายๆคนอาจจะงงว่า การสร้างสังคมให้กับธุรกิจที่ว่านั้นคืออะไร สำหรับในบทความนี้ การสร้างสังคมนั้นก็คือ การสร้างช่องทางในการให้ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูล หรือติดต่อกับธุรกิจของเราได้นั่นเองค่ะ

ซึ่งช่องทางหรือสังคมต่างๆนั้นได้แก่ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และอื่นๆ ซึ่งการสร้างสังคมเหล่านี้ นอกจากจะทำให้เราสามารถรวบรวมข้อมูลของลูกค้าได้อย่างตรงจุดแล้ว และยังช่วยสร้างฐานลูกค้าที่ชื่นชอบในธุรกิจของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชอบในสินค้า หรือเนื้อหาสาระที่เรานำมาเสนอก็ตาม

อย่างเช่น ถ้าเราทำธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ เรามีการอัพเดตสินค้าที่เรานำเข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง หรือืนำเสนอเรื่องราวที่คิดว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราจะต้องสนใจได้ เราก็จะมีกลุ่มคนที่จะช่วยกระจายข่าวสาร(หรือแชร์)ได้ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย

และนอกจากนี้ เราสามารถดูแลและช่วยเหลือลูกค้าของเราได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าในเรื่องการรับเรื่องร้องทุกข์ หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องรองรับการติดต่อจากทุกช่องทางให้ได้ เพื่อประโยชน์ของธุรกิจของเราเอง

  1. การดูแลลูกค้า และบริการหลังการขาย

การดูแลลูกค้าตั้งแต่ตอนเริ่มต้น จนจบการขาย รวมถึงการบริการหลังการขายนั้น เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์หรือปัญหาอะไรขึ้น ความสบายใจของลูกค้าจะสร้างจากไหนไม่ได้นอกจากเรา การทำให้ลูกค้าพึงพอใจทั้งก่อนและหลังการซื้อขาย จะทำให้ลูกค้ามีความประทับใจ จนอาจจะเกิดเป็น Brand Loyalty หรือความจงรักภักดีต่อธุรกิจได้อีกด้วย

ต้องห้ามลืมเด็ดขาดว่า ลูกค้าปัจจุบัน คือสิ่งที่สำคัญที่สุด !

เพราะลูกค้าที่เรามี คือลูกค้าที่นอกจากเราจะไม่ต้องลงทุนทำการตลาดเพื่อค้นหาแล้ว ยังสามารถช่วยเราโปรโมทหรือทำการตลาดในแบบการบอกเล่าแบบปากต่อปากได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการทำการตลาดได้อย่างตรงจุดมากๆ เพราะการบอกเล่าแบบปากต่อปากนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าคนอื่นๆต้องการสินค้าหรือบริการในเรื่องที่ธุรกิจของเราให้บริการอยู่

เรียกได้ว่า นอกจากจะช่วยให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจของเราดูดี ยังเพิ่มยอดขายให้เราได้อีกด้วย เพียงแค่เราดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างดี เพียงเท่านั้นเอง

  1. การหยิบเอากระแสนิยมมาใช้ในการทำการตลาด

การนำเรื่องที่กำลังเป็นกระแสมาใช้ในการทำการตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่อยู่ในแผนการทำการตลาด แต่ต้องมีความว่องไวของทีมการตลาดที่จะสามารถหยิบเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว จะเป็นการสร้างกระแสให้กับธุรกิจของเราดูทันสมัยและช่วยส่งเสริมให้คนอยากแชร์หรือส่งต่อกันได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

อย่างเช่น ตอนมีกระแสเรื่องบุพเพสันนิวาส บาบีคิวพลาซ่าได้หยิบเอาเรื่องกระทะหมูกระทะมาใช้ในการทำการตลาดลง Facebook อย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ 7-11 ก็หยิบเอามะม่วงน้ำปลาหวานมาโฆษณาเช่นกัน ว่ามีขายที่ 7-11 แต่เกิดกระแสนิยมในการแชร์อย่างล้นหลาม ด้วยความคิดอย่างสร้างสรรค์ในการหยิบนำเอาเรื่องราวมาผูกกับธุรกิจของตนได้อย่างรวดเร็วและสร้างเสียงหัวเราะได้

ซึ่ง Content ที่คนส่วนไทยส่วนใหญ่จะชอบแชร์ คือ Content ที่สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้ได้ (ตามสไตล์ สยามเมืองยิ้มค่ะ คนไทยชอบเรื่องตลก)

  1. การหาพันธมิตรทางด้านธุรกิจ

การหาพันธมิตรในด้านธุรกิจ คือ การหาธุรกิจที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มเดียวกัน มาช่วยกันนำเสนอขายสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มโอกาสในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆได้อีกด้วย

เช่น หากเราทำธุรกิจเสริมความงาม เราสามารถหาสินค้าเกี่ยวกับการเสริมความงามมาวางขายเพิ่มเติม หรือออกอีเว้นท์ในบางโอกาสร่วมกันก็ได้ และลูกค้าของแต่ละธุรกิจ ก็อาจจะได้รับรู้ถึงอีกบริการหรือสินค้าอีกชนิดหนึ่ง เป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เจอธุรกิจของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

  1. การจ้างรีวิว หรือการใช้ Influencer ทำการรีวิว

การสร้างรีวิว หรือก็คือการให้บุคคลที่มีชื่อเสียง (Influencer) ไปจนถึงบุคคลธรรมดา (Micro Influencer) นั้น เข้ามารับบริการหรือทดลองใช้สินค้าของเรา แล้วนำไปรีวิวโดยการเขียนรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ รวมถึงความรู้สึกเมื่อได้ทดลองใช้ ลง Blog ส่วนตัวในช่องทางต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นๆได้เห็นหรืออ่านต่อนั่นเองค่ะ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลายๆครั้งการทำรีวิวหรือการสร้างกระแสด้วยการรีวิวนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้บริการและสินค้าของหลายๆธุรกิจ ได้รับกระแสอย่างถล่มทลายมาหลายครั้ง

อย่างเช่น สินค้าลิปสติกของแบรนด์หนึ่ง ที่มีบิ้วตี้บล็อคเกอร์ชาวจีนนำมารีวิว แล้วเกิดโดนใจสาวๆหลายคนในประเทศไทยมาก จนเกิดการแชร์ออกไปมากกว่าหมื่นครั้ง ทำให้ลิปสติกสีนั้นขาดตลาดไปหลายเดือน เรียกได้ว่า นี่คืออานุภาพของการทำรีวิวอย่างแท้จริงค่ะ

ธุรกิจ SME นอกจากจะต้องคำนึงถึงทรัพยากรต่างๆในการทำการตลาดแล้ว ยังต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะต้องได้ผลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อีกด้วย เพื่อใช้ในการพัฒนาและสร้างธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปอย่างก้าวกระโดด

6 กลยุทธ์ในการทำการตลาดสำหรับธุรกิจ SME ที่คุณไม่ควรมองข้าม ! นั้น ในบางข้ออาจจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่หลายๆคนเคยมองข้าม แต่หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลายๆธุรกิจสามารถทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพได้ดีมากยิ่งขึ้นนะคะ