หลายท่านคงทราบข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง Algorithm ของ Facebook ที่ผ่านมาในปี 2018 แล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ เพราะในปัจจุบันหลายธุรกิจได้ใช้ Facebook เป็นเครื่องมือหลักในการทำการตลาด การปรับเปลี่ยนที่ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม-ลด Reach ของโพสต์และวีดีโอ การออกนโยบาย branded content ที่เป็นเรื่องของการทำโฆษณาบน Facebook โดยตรง ทำให้หลายๆธุรกิจเจอผลกระทบไม่มากก็น้อย ถึงแม้ธุรกิจ แบรนด์ หรือ Publisher ต่างๆ จะพยายามพัฒนาcontentให้มีคุณภาพมากขึ้น ก็ยังคงได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลง algorithm นี้อยู่ดี โดย Facebookได้ทำการลด Reachลงเรื่อยๆ จากเมื่อปี 2007 จำนวนคนที่จะเห็นโพสต์ของเพจ เฉลี่ยอยู่ที่16% หลังจากนั้นอีกประมาณ 5-7 ปี ถูกปรับลดลงเหลือ 6.5% ในปี 2016 Facebook ได้มีการปรับ Reach อีก โดยครั้งนั้นมีค่าเฉลี่ยไม่ถึง2%ของแฟนเพจทั้งหมด และล่าสุดในปี 2018 ได้มีการปรับให้ลดลงอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เรียกได้ว่าไม่ต้องพูดถึง%เลยก็ว่าได้ เพราะมีโอกาสน้อยมากๆที่จะได้ Organic Reach

เนื่องจาก Facebook เป็น Social Platform ต้องการให้คนมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น ที่นี่ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เป็นพื้นที่ขายของตั้งแต่แรก ดังนั้นถ้าหากธุรกิจต้องการทำการตลาด ทำการโฆษณาบน Facebook จึงจำเป็นที่จะต้องทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการทำการตลาดนี้

ซึ่งการปรับตัว หาแนวทางใหม่ในการทำตลาดผ่าน Facebook นั้นมีดังนี้

  • ทำ Group เพื่อสร้าง Community มากขึ้นให้เชิญชวนบุคคลที่สนใจสินค้าหรือบริการของทางผู้ดูแล ซึ่งทำให้ Content ของธุรกิจจะเข้าใกล้กลุ่มเป้าหมายมากกว่าและที่สำคัญคือ Algorithm Facebook ยังไม่ได้มาจัดการ Reach ใน Group นี้ด้วย
  • การ Live สามารถสร้างการพูดคุย การแชร์ และการมีส่วนร่วม ซึ่ง Facebook ก็ยอมรับว่า live ได้ผลมากกว่า non-live ถึง 6 เท่าเลยทีเดียว โดยเฉพาะการ comment ที่ระบบใหม่ของ Facebook จะให้ความสำคัญกับ comment มากกว่า like และ share แบบเดิมๆ แต่ต่อไปเพจต่างๆคงต้องเน้นการทำ content แบบ live และกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามา comment พูดคุยกันมากขึ้น ซึ่งทำให้เจ้าของธุรกิจได้ปรับปรุง และสร้างสรรค์ content ที่คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าหรือลูกเพจให้มากขึ้น พวกเขาต้องการอะไร ต้องการดูอะไร เวลาไหน
  • การที่เชิญชวนกลุ่มลูกค้าให้กด See first ทันทีเพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารของเพจและได้เห็นแน่นอน ควรเน้นการสร้าง content ที่มีคุณภาพตรงกับกลุ่มลูกค้า จะทำให้กลุ่มลูกค้ารู้สึกพอใจและประทับใจกับทางแบรนด์ทำให้เกิด Traffic ในทางที่ดี
  • พูดคุยกับลูกค้ามากขึ้นใน Messenger มีการเชื่อมต่อกับเครื่องมือทางธุรกิจอื่นๆ ที่ครบครันกว่า บางกลุ่มลูกค้า อยากได้รายละเอียดที่มากกว่าสิ่งที่ทางเจ้าของธุรกิจนำเสนอ เพื่อให้สร้างความน่าเชื่อถือเจ้าของธุรกิจควรที่จะพูดคุยและทำให้ข้อสงสัยของลูกค้าได้กระจ่างมากขึ้น อีกทั้งทำให้เกิด Traffic ในทางที่ดีมากขึ้น 

นอกจากการปรับตัว ปรับกลยุทธ์การทำการตลาดบน Facebook ที่กล่าวมาแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการเปลี่ยนไปใช้ Social Media หรือแพลตฟอร์มอื่นในการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Instagram, LINE@, Linkedin หรือ Twitter โดยเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจของเรา

แต่บางทีการปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงของ Facebook หรือการเลือกใช้ Social Media อื่น อาจไม่ใช่ทางที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของเรา เพราะการที่เรายังคงต้องพึ่งพา Facebook หรือแพลตฟอร์มอื่นอยู่ นั่นไม่ต่างอะไรจากการเช่าบ้านอยู่ ที่เจ้าของบ้านสามารถเปลี่ยนอะไรก็ได้ นั่นทำให้เกิดความไม่แน่นอนที่ส่งผลอย่างมากต่อธุรกิจ โดยที่เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย

ดังนั้นที่เราอยากจะเสนอแนวทางก็คือการเป็นเจ้าของ “เว็บไซต์” สำหรับธุรกิจของคุณเอง การมีเว็บไซต์เป็นของตนเองก็เปรียบเสมือนเราบ้านที่อบอุ่น ที่เราสามารถดูแล และควบคุมทุกสิ่งในบ้านของเราได้ เรามีสิทธิ์ในบ้านของเราอย่างเต็มที่ เปรียบเทียบให้เห็นอย่างเช่น การทำการตลาดผ่านทาง Facebook ข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามามี Engagement กับเรานั้น Facebook คือผู้เป็นเจ้าของ เราไม่สามารถระบุตัวตนของบุคคลเหล่านั้นได้เลย ถ้าหากต้องการจะทราบข้อมูลส่วนนี้ Facebook ก็ไม่มีทางให้ข้อมูลส่วนนี้กับคุณฟรีๆแน่นอน

แต่การที่คุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์เอง คุณสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง และเป็นเจ้าของข้อมูลนั้นอย่างแท้จริง คุณสามารถรู้พฤติกรรมของบุคคลที่เข้ามาได้ รวมทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลการติดต่อของลูกค้าที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจของเรา ซึ่งหลังจากการเก็บข้อมูลเหล่านี้มาแล้ว คุณสามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปทำ Inbound Marketing ผ่านการทำ Marketing Automation หรือการทำ CRM (การบริการความสัมพันธ์กับลูกค้า) ต่อไปได้

การเปลี่ยนแปลงเป็นทุกคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัวหรือในการทำธุรกิจ สิ่งที่เราทำได้คือการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง พึ่งพาตนเองมากให้มากขึ้นกระจายความเสี่ยง ไม่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับที่ใดที่หนึ่ง หรือลองศึกษาเกี่ยวกับการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ด้วย Inbound Marketing และเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ และมีสติในการแก้ไข้ปัญหา ทุกปัญหาย่อมมีทางออกที่ดีเสมอ……