อวสานเสาอินเตอร์เน็ต Space X ปฎิวัติวงการโทรคมนาคมผ่านโครงการ Starlink

SpaceX บริษัทสำรวจอวกาศเอกชนยักษ์ใหญ่ที่ก่อตั้งโดย Elon Musk มุ่งเป้าหมายที่จะสร้างนวัตกรรมในด้านการสำรวจอวกาศ พวกเขาเป็นเจ้าของจรวด Falcon 9 จรวดสุดล้ำที่สุดในโลก , จรวด Falcon Heavy , ยานอวกาศ Dragon ยานอวกาศที่จะพาชาวอเมริกันกลับขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติด้วยยานอวกาศสัญชาติอเมริกัน และ แผนการในอนาคต ที่จะใช้จรวดขนาดยักษ์พามนุษย์เดินทางสู่ดาวอังคารภายในปี 2022

โดยบริษัท SpaceX กำลังดำเนินโครงการ Starlink อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม กับการสร้างเครือข่ายดาวเทียมประมาณ 1,600-12,000 ดวงโคจรรอบโลกที่ระดับความสูงประมาณ 500 กิโลเมตรเพื่อปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลกและต้องขอบอกตรงนี้เลยว่า โลกกำลังเข้าสู่ยุคของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมบนอวกาศกันแล้ว

Starlink เป็นดาวเทียมรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีจุดเด่นคือราคาถูกและสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆได้ทั่วโลก โดยสามารถส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวด Falcon 9 ได้สูงสุดครั้งละ 60 ดวง และเมื่อจรวดปล่อยดาวเทียมสู่ชั้นบรรยากาศเพื่อโคจรแล้ว ตัวของจรวจจะดิ่งกลับมาตั้งดังที่จุดปล่อยเพื่อกลับมาใช้งานใหม่ได้ซึ่งนอกจากช่วยลดต้นทุนได้มหาศาล แล้วยังเป็นการประสบความสำเร็จของทีมงาน spaceX แบบสุดมหัศจรรย์กันเลยทีเดียว

ดาวเทียม Starlink สามารถรับส่งสัญญาณความเร็วสูงติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์น้ำหนักของดาวเทียมประมาณ 227 กิโลกรัมต่อดวง และ โคจรรอบโลก โดยที่แต่ละดวงใช้เสาสัญญาณระยะไกล 4 อัน ลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมทำหน้าที่รับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต สามารถรรับสัญญาณจำนวนมหาศาลในเวลาที่
รวดเร็ว สำหรับรูปแบบการเชื่อมต่อเบื้องต้นทราบเพียงว่าอาจเป็นการเชื่อมต่อแบบ Ku-Band ส่วนข้อมูลเชิงเทคนิคอื่น ๆ เมื่อความเร็วในการเชื่อมต่อ วิธีการแก้ปัญหาเมื่อท้องฟ้าปิดมีเมฆฝนบริษัท SpaceX ยังคงเก็บเป็นความลับ

ดาวเทียม Starlink ติดตั้งระบบขับเคลื่อนปรับตำแหน่ง Ion Propulsion Systems โดยใช้ Krypton (พลังงานขับเคลื่อนยานอวกาศชนิดหนึ่ง) ดาวเทียมมีระบบนำทางระบุตำแหน่ง สามารถหลีกเลี่ยงการชนได้เมื่อดาวเทียมหมดสภาพจะตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลกและถูกเผาไหม้ทำลายประมาณ 95% อีกทั้งดาวเทียมแต่ละดวงสามารถระบุตำแหน่งเมื่อหมดอายุการใช้งานสามารถส่งดาวเทียมดวงใหม่ขึ้นไปทดแทนได้

ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศต่างๆ ใช้เครือข่ายสายใยแก้วนำแสงใต้สมุทร (Submarine Fiber Optic Cable) เชื่อมต่อทวีปเข้าหากันก่อนกระจายไปยังประเทศต่างๆ ผ่านช่องทาง Gateway หรือจุดต่อเชื่อมเครือข่ายทำหน้าที่เป็นประตูทางเข้าสู่ระบบเครือข่ายต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ตและผู้ให้บริการ Internet
Service Providers (ISP) ภายในประเทศ เช่น True , AIS , 3BB และ Dtac อย่างไรก็ตามรูปแบบการให้บริการยังไม่ทราบแน่ชัดว่าบริษัท SpaceX จะเป็นผู้ให้บริการด้วยตัวเองเชื่อมต่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเองหรือผ่านบริษัท ISP ในประเทศต่าง ๆ

ล่าสุด SpaceX ได้เปิดเผยอัพเดทความคืบหน้าของโครงการ Starlink ว่าบริษัทได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (Federal Communications Commission : FCC) ให้สามารถส่งดาวเทียมจำนวน 12,000 ดวงสู่วงโคจรของโลกได้และบริษัทยังได้ยื่นเอกสารขออนุญาตกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) เพื่อส่งดาวเทียมทั้งหมดขึ้นไป

เมื่อ วันอังคารที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา Elon Musk บิ๊กบอสของ SpaceX ได้ทำการทดสอบเชื่อมอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมบรอดแบนด์และทวีตข้อความว่า “ทวีตนี้ส่งผ่านอวกาศด้วยดาวเทียม Starlink” เพื่อยืนยันว่าอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสามารถใช้งานได้แล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการในสหรัฐเมริกาและแคนาดาช่วงกลางปี 2563

หากโครงการ Starlink ประสบความสำเร็จก็สามารถเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไปตลอดกาล นอกจากนี้จะสร้างรายได้หลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละปีและลองฝันถึงอนาคตเมื่อผู้ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ตหันตัวกันมาใช้การปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตทางดาวเทียม โลกของเราใบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีเสา

Scroll to Top